วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หงส์สมควรไร้แต้มแมตช์แพ้ค้อน,คิงเคนนี่กล่าว


เคนนี่ ดัลกลิช นายใหญ่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยอมรับ ลูกทีมของเขาเล่นได้น่าผิดหวัง ในเกมแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ชี้ฟอร์มแบบนี้ก็สมควรแล้วที่ไม่ได้แต้มกลับ แอนฟิลด์ พร้อมยันไม่เคยได้รับข้อเสนอสัญญา 2 ปีตามที่สื่อแอบอ้าง


     เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีมระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ยอมรับ "หงส์แดง" สมควรที่จะไม่ได้แต้ม ในเกมแพ้ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-3 ที่สนาม อัพตัน พาร์ค เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา


     เจ้าบ้านได้ประตูจาก สกอตต์ พาร์เกอร์, เดมบ้า บา และ คาร์ลตัน โคล ในขณะที่ "เดอะ เร้ดส์" ได้ประตูจาก เกล็น จอห์นสัน นอกจากความพ่ายแพ้ในแมตช์นี้แล้ว ลิเวอร์พูล ยังต้องเจอกับข่าวร้าย เพราะ มาร์ติน เคลลี่ แบ็กขวาดาวรุ่ง กับ ราอูล เมยเรเลส มิดฟิลด์เลือดฝอยทอง ได้รับบาดเจ็บด้วย


     "คิงเคนนี่" ให้ความเห็นถึงอาการเจ็บของ 2 แข้งสำคัญว่า "เขา (เคลลี่) เจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่า และ ราอูล โดนเตะที่หัวเข่า แน่นอน มาร์ติน อาการหนักกว่า ราอูล สำหรับอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าอาจทำให้เขาต้องพบกับความยากลำบากในวัน อาทิตย์หน้า (พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) แม้ผมไม่อยากกำหนดวัน เพราะผมไม่รู้ แต่ผมคิดว่า อาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า มันคงต้องใช้เวลามากกว่าสัปดาห์ ส่วน ราอูล เรายังไม่รู้"


     ส่วนฟอร์มการเล่นของทีมในแมตช์นี้ ดัลกลิช เผยว่า "นักเตะทำผลงานได้อย่างสุดยอดมาตลอดจนกระทั่งที่นี่ และผมคาดเอาไว้แล้วว่า มันต้องมีเรื่องแบบนี้เมื่อเราแพ้ ผมคิดว่า ต้องยกเครดิตให้กับนักเตะซึ่งสมควรที่จะได้รับ และผมคิดว่า พวกเขาจะยืนหยัดขึ้นมา และด้วยความสัตย์จริง วันนี้ต้องพูดว่า พวกเขาได้ในสิ่งที่ควรได้ก็คือ การไม่ได้แต้มอะไรเลย"


     "เราผิดหวังกับแนวทางการเล่นของเรา เราเริ่มต้นแบบสบายๆ แต่พวกเขาก็ได้ประตู นั่นทำให้พวกเขามีความเชื่อมั่น เวสต์แฮม ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับเราเลย เพราะพวกเขาสู้เพื่อความอยู่รอด หลังจากที่พวกเขาได้ประตู พวกเขาก็มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น แต่เราไม่ได้เล่นดีอย่างที่เราควรทำได้ เราผ่านบอลได้ไม่ดีเหมือนกับที่เราเคยทำ และเราไม่มีโอกาสเข้าทางเลย"


     "ในช่วง 20-25 นาทีสุดท้าย เราเริ่มเล่นได้อย่างที่เราเคยทำได้ เราได้ประตูในช่วงท้ายเกม และผมคิดว่าบางทีเราควรมีแต้ม แต่ คาร์ลตัน โคล ก็ยิงประตูอีกลูกในนาทีสุดท้าย ผมไม่รู้ว่า นี่เป็นผลที่เกิดกับนักเตะจากสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนวันพฤหัสบดี (ลงเล่น ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก) หรือเปล่า เพราะเราพบกับเกมที่สุดหิน เราไม่ได้ดูดีอย่างที่เราเคยเป็น ความพ่ายแพ้ไม่ใช่แค่ทำให้เราผิดหวัง แต่ยังรวมทั้งแนวทางการเล่นของเราด้วย"


     ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า แอนดี้ คาร์โรลล์ หัวหอกตัวใหม่ จะได้ลงเล่นเปิดตัวในแมตช์นี้ โดยกุนซือเลือดสกอตต์ เผยว่า "เราไม่เคยกำหนดวันว่า แอนดี้ จะลงเล่นเมื่อไหร่ ตราบใดที่เขาฟิต เราจะให้เขาลงเล่น อาจจะเป็นสัปดาห์หน้า หรือสัปดาห์อื่นๆ เราก็แค่ต้องรอและเฝ้าดู"


     สำหรับข่าวที่อ้างว่า เขาได้รับข้อเสนอสัญญา 2 ปีนั้น ดัลกลิช เปิดใจว่า "สัญญามาจากใครล่ะ?" นักข่าวตอบกลับมาว่า "จากสโมสร" จากนั้นเจ้าตัวก็ตอบต่อไปว่า "ผมคิดว่า คุณหมายถึงภรรยาของผมยื่นสัญญาให้ผมอีกครั้ง! ถ้ามีข่าวเราจะบอกพวกคุณแน่นอน ผมมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ ผมจะทำในสิ่งที่ต้องทำเพื่อสโมสร ไม่มีการเจรจามากไปกว่าครั้งแรก ดังนั้นผมไม่แน่ใจว่า พวกเขา (เดอะ ซัน) ได้ข่าวมาจากไหน"


ขอขอบคุณ : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110228_039.html

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หงส์ไม่เปรี้ยง!บุกเจ๊าปราก0-0ยูโรปานัดแรก

 

 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทำได้เพียงบุกเสมอ สปาร์ต้า ปราก จากสาธารณรัฐเช็ก 0-0 ทำให้ต้องกลับมาลุ้นเหนื่อยนัดสองที่แอนฟิลด์กันต่อ ในศึกยูโรปา ลีก รอบสาม นัดแรก คืนวันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบสาม นัดแรก
วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554
สปาร์ต้า ปราก (เช็ก) 0 - 0 ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)

สนาม : สตาดิโอน เลตเน่,  ปราก สาธารณรัฐเชก

     โยเซฟ โชวาเนช กุนซือเจ้าบ้าน สปาร์ต้า ปราก จัดทัดมาเน้นเกมรุกเปิดแลกเลย ให้ วัคลาฟ คัดเล็ช, อันเดรจ เคริช และ เลโอนี่ ควิวเก้ เป็นสามประสานแนวรุก ส่วนแนวรับมี โทมัส เร็ปก้า กัปตันทีมอดีตแข้งของ เวสต์แฮม เป็นหัวใจหลักในแผงหลัง

     เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไร้ชื่อของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แดเนียล แอ็กเกอร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ ไม่มีชื่อบินขึ้นเครื่องมากรุงปราก การจัดทัพ "คิง เคนนี่" ส่ง แดนนี่ วิลสัน ลงมายืนเป็นแบ็กซ้าย และดันเอา ฟาบิโอ ออเรลิโอ ขึ้นไปยืนปีกซ้าย
     และให้ เกล็น จอห์นสัน กลับไปประจำการแบ็กขวา ส่วนคู่กองหน้าเป็น ดาวิด เอ็นก๊อก กับ เดิร์ค เค้าท์
     เขี่ยบอลเริ่มเกมมาช่วง 15 นาทีแรกเกมส่วนใหญ่เป็นของเจ้าบ้านครองบอลไว้เกือบหมด ทว่ายังไม่มีโอกาสส่องลุ้นประตู ต้องรอถึงนาที 18 สปาร์ต้า ปราก น่าได้ประตูออกนำ มาร์ติน อเบน่า ไหลบอลออกมาทางซ้ายให้ มานูเอล ปามิช เติมขึ้นมากดบอลด้วยซ้ายเต็มข้อกำลังจะเสียบเสาสอง ทว่า โฆเซ่ เรน่า ไม่พลาดปัดบอลออกไปได้สวย
     รูปเกมเป็นของเจ้าบ้านข้างเดียว นาที 30 เค้าท์ ทำพลาดเสียบอลมาให้ มาเร็ค มาเตยอฟสกี้ ลากบอลเข้าไปดีดบอลมุมแคบไปเข้ามือ เรน่า ล้มตัวรับสบาย
     4 นาทีต่อมา หงส์แดง มารอดตายอีกครั้ง ออนเดรจ คุสเนียร์ ครอสบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษและ เรน่า ออกมาตัดบอลพลาดไปเข้าทาง ปามิช เติมขึ้นมาอัดบอลสวนโด่งข้ามคานออกไปนิดเดียว
     เจ้าบ้านครองเกมกระหน่ำบุกข้างเดียว และมาได้โอกาสลุ้นอีกจาก คุสเนียร์ เลี้ยงบอลตะลุยเข้ามาไหลต่อให้ มาเตยอฟสกี้ วิ่งเข้ามาแปบอลไปติดบล็อค โซติริออส คีร์เกียกอส กระเด้งออกไป
     นาที 38 ดัลกลิช ทนไม่ไหวต้องทำการปรับแท็กติกเปลี่ยนตัวคนแรกทันที ถอด ออเรลิโอ ออกมา และส่ง โจ โคล ลงไปบู๊แทน
     ช่วงท้ายเกมนาที 43 หงส์แดง เกือบมาออกนำก่อนจากจังหวะลูกเตะมุม ราอูล เมยเรเลส เปิดบอลเข้ามาให้ เอ็นก๊อก กระโดดโหม่งชงบอลมาให้ เค้าท์ ตวัดบอลจ่อๆไม่โดนหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย และจบครึ่งแรกสกอร์บอร์ดทั้งสองทีมยังไม่ทำงานเสมอกันอยู่ 0-0 ชนิดที่รูปเกมของเจ้าบ้านเหนือกว่าเยอะ
     กลับลงสนามมาสู้กันต่อใน 45 นาทีหลัง ดัลกลิช แก้เกมมาดีโดย ลิเวอร์พูล ครองเกมได้ดีขึ้นและเน้นขึ้นเกมทางฝั่งขวาใช้ เกล็น จอห์นสัน ทำเกมบุก ทว่ายังไม่มีโอกาสได้ส่องประตูแบบจังๆเลย
     เกมครั้งหลังของทั้งสองฝ่ายเนือยลงไปอย่างมากแทไม่มีจังหวะให้ได้ ลุ้นกันเลย นาที 61 เจ้าบ้านมาได้ลุ้นเล้กๆจากจังหวะที่ คามิล วาเซ็ค เปิดบอลมาให้ เลโอนี่ ควิวเก้ สอดเข้ามาโขกบอลเต็มกบาลหลุดเสาแรกออกไปไกล
     โอกาสถัดมาเป็นของ หงส์แดง บ้าง เอ็นก๊อก กระชากบอลมาสับขาหลอก คุสเนียร์ และเปิดบอลเรียดผ่านเข้ากลางมาให้ มักซี่ โรดริเกซ เข้าชาร์จไม่เต็มเท้าไปแฉลบ เร็ปก้า นิดนึงและไหลเข้าซอง ยาโรเมียร์ บลาเซ็ค รับสบาย
     นาที 68 อาคันตุกะมาพลาดการได้ประตูออกนำไปอย่างน่าเสียดาย ราอูล เมยเรเลส ตักบอลข้ามแนวรับเจ้าบ้านมาให้ จอห์นสัน จับบอลลงและเลี้ยงตัดหนีแนวรับเจ้าบ้านมาสองสามคนก่อนดีดบอลหลุดเสาสองออกไป นิดเดียว
     หลังจากนั้นเกมต้องหยุดพักลงไปสักครู่เนื่องจากมีแฟนบอลขว้างพลุลง มาในสนามฝั่งแระตูของ ลิเวอร์พูล จนเกิดควันไปทั่วสนาม ทว่าหลัง โฟลเรียน เมเยอร์ ผู้ตัดสินเช็กสถานการณ์ก็อนุญาตให้เล่นต่อไปได้ และนาที 75 เรน่า มาช่วยชีวิต หงส์แดง เอาไว้ได้เยี่ยม เมื่อเจ้าตัวพุ่งไปตะครุบรับบอลที่ ควิวเก้ ตวัดยิงกลับมาได้อยู่หมัด
     นาทีที่ 83 หงส์แดงปรับแผนตั้งรับมากขึ้นโดย ส่ง มาร์ติน สเคอร์เทล ลงมาแทน ดาวิด เอ็นก๊อก ที่ดูเหมือนว่าจะโชว์ฟอร์มไม่ออก
     นาทีที่ 85 เจ้าถิ่นได้ลุ้นประตูจากจังหวะที่ คามิล วาเซ็ค สับไกล 25 หลาตรงกลางกรอบเขตโทษบอลพุ่งเฉียดโคนเสาไปแบบน่าเสียดาย
     ช่วงทดเวลา สปาร์ต้า ปราก เปลี่ยน โทมัส เพ็คฮาร์ท ลงมาแทน มาเร็ค มาเตยอฟสกี้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ จบเกม สปาร์ต้า ปราก เปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล ไร้สกอร์ 0-0 ต้องไปตัดสินหาทีมเข้ารอบต่อไปในนัดสองที่รังแอนฟิลด์
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม


     สปาร์ต้า ปราก :
ยาโรเมียร์ บลาเซ็ค - ออนเดรจ คุสเนียร์, โทมัส เร็ปก้า, เอริช บราเบ็ช, มานูเอล ปามิช - คามิล วาเซ็ค, มาร์ติน อเบน่า, มาเร็ค มาเตยอฟสกี้ - วัคลาฟ คัดเล็ช, อันเดรจ เคริช, เลโอนี่ ควิวเก้

     สำรอง :
ดาเนียล ซิดก้า, ยาคุบ โพดานี่, อาเดียบา บอนดัว, มาร์ติน ซีแมน, ลูบอส ฮูเซ็ค, ลิบอร์ ซิออนโก้, โทมัส เพ็คฮาร์ท

     ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, โซติริออส คีร์เกียกอส, แดนนี่ วิลสัน - มักซี่ โรดริเกซ, ลูคัส เลว่า, ราอูล เมยเรเลส, ฟาบิโอ ออเรลิโอ - ดาวิด เอ็นก๊อก, เดิร์ค เค้าท์

     สำรอง :
ปีเตอร์ กูลาซซี่, มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, โจ โคล, คอนอร์ คัวดี้, มิลาน โยวาโนวิช, ดาเนียล ปาเชโก้
     ผู้ตัดสิน : โฟลเรียน เมเยอร์ (เยอรมัน)


ผลฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบสาม นัดแรก - รูบิน คาซาน (รัสเซีย)  แพ้  ทเวนเต้ (ฮอลแลนด์)  0-2  - เมตาลิสต์ (ยูเครน)  แพ้  เลเวอร์คูเซ่น (เยอรมัน)  0-4- นาโปลี (อิตาลี)  เสมอ  บียาร์เรอัล (สเปน)  0-0- อันเดอร์เลทช์ (เบลเยียม)  แพ้  อาแจ็กซ์ (ฮอลแลนด์)  0-3  - เลช พอซนัน (โปแลนด์)  ชนะ  บราก้า (โปรตุเกส)  1-0  - เบซิคตัส (ตุรกี)  แพ้  ดินาโม เคียฟ (ยูเครน)  1-4 - เบนฟิก้า (โปรตุเกส)  ชนะ  สตุ๊ตการ์ท (เยอรมัน)  2-1  - บาเต้ บอริซอฟ (เบลารุส)  เสมอ  เปแอสเช (ฝรั่งเศส)  2-2 - เรนเจอร์ส (สกอตแลนด์)  เสมอ  สปอร์ตติ้ง ลิสบอน (โปรตุเกส)  1-1  - สปาร์ต้า ปราก (เช็ก)  เสมอ ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)  0-0- บาเซิ่ล (สวิส)  แพ้  สปาร์ตัก มอสโก (รัสเซีย)  2-3  - ยัง บอยส์ (สวิส)  ชนะ  เซนิต (รัสเซีย)  2-1- พีเอโอเค (กรีซ)  แพ้  ซีเอสเคเอ มอสโก (รัสเซีย)  0-1  - เซบีย่า (สเปน)  แพ้  ปอร์โต้ (โปรตุเกส)  1-2  - ลีลล์ (ฝรั่งเศส)  เสมอ  พีเอสวี ไอนด์โอเฟ่น (ฮอลแลนด์)  2-2




ราอูล เมยเรเลส เบียดแย่งบอลกับ มาเร็ค มาเตยอฟสกี้ เกล็น จอห์นสัน นัดนี้กลับมาประจำแบ็กขวาเหมือนเดิม
เกมต้องหยุดลงชั่วคราวเนื่องจากพลุขวัญของเจ้าถิ่น


กัปตันเจมี่ ต้องทำงานหนักตลอดทั้งเกม


ดาวิด เอ็นก๊อก ทำอะไรไม่ได้เมื่อเจอกับลูกหนักของ โทมัส เร็ปก้า

ขอขอบคุณ : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110218_052.html

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

หงส์เปิดชัยในถิ่น!ดับเจ้าสัว1-0แพนต์ซิลยิงให้


 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ประเดิมคว้าชัยในถิ่นแอนฟิลด์ได้แล้วในยุคเคนนี่ ดัลกลิช กลับมากุมบังเหียน หลังเฉือนหวิว "เจ้าสัว" ฟูแล่ม 1-0 โดยจอห์น แพนต์ซิล กองหลังทีมเยือนสงเคราะห์ประตูชัยให้พร้อมขยับรั้งที่7 แล้ว
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษลิเวอร์พูล 1-0 ฟูแล่ม


สนาม : แอนฟิลด์


      นัดนี้เป็นเกมตกค้างที่เลื่อนมาจากปลายปีก่อนหลังจากพายุหิมะถล่มเกาะอังกฤษนัดนี้ ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เคนนี่ ดัลกลิช ได้ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กลับมาลงหลังจากจากพ้นโทษแบน 3 นัดจากการโดนไล่ออกมาให้เกมแดงเดือดภาคเอฟเอ คัพ โดยสตีวี่จี ลงทำเกมในแดนกลางร่วมกับ ราอูล เมยเรเลส, คริสเตียน โพลเซ่น, เดิร์ค เค้าท์ และ มักซี่ โรดริเกซ


       ด้านทีมเยือนของกุนซือ มาร์ค ฮิวจ์ส ปราศจาก ดิ๊คสัน เอตูฮู ที่ไม่ผ่านความฟิต จึงส่ง สตีฟ ซิดเวลล์ ลงเล่นแทน แต่ก็ยังมีข่าวดีที่ได้ อารอน ฮิวจ์ส กลับมาลงเล่น แดนกลางยังมี แดนนี่ เมอร์ฟี่ อดีตเด็กหงส์กลับมาเยือนถิ่นเก่า ส่วนคู่หน้าเป็น แอนดี้ จอห์นสัน กับ มูสซ่า เดมเบเล่


       เริ่มเกมขึ้นมาเป็นเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ที่ทำเกมบุกเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกมตามคาด และแค่ 5 นาทีเท่านั้นก็ส่งบอลไปตุงตาข่ายได้ โดยจังหวะเริ่มจากการจ่ายของ ราอูล เมยราเรส ไปให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส หลุดเข้าไปยิง แต่ไลน์แมน ยกธงล้ำหน้าซะก่อน


       อีก 5 นาที ถัดมา กองเชียร์เจ้าถิ่นเกือบไปเฮอีกครั้งเมื่อ มาร์ติน เคลลี่ ได้โยนบอลจากทางขวาเข้ามากลางประตูให้ ราอูล เมยราเรส สอดเข้ามาโหม่งลงพื้นแต่ เดวิด สต็อคเดล ล้มตัวปัดไปได้


       เกมผ่านไป 20 นาที ลิเวอร์พูล ก็ยังเป็นฝ่ายที่ครองบุกเข้าใส่ฟูแล่ม ได้เรื่อยส่วนทีมเยือนก็ยังรับกันแน่นแต่ก็เริ่มทำเกมได้ดีขึ้นมากกว่าช่วง 10 นาทีแรก


       นาทีที่ 25 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสลุ้นอีกครั้งจากการพาขึ้นบอลทางด้านซ้ายของ เกล็น จอห์นสัน ก่อนจะกระชากตัดเข้ากลางแล้วซัดด้วยขวาบอลโดนเซฟเอาไว้ได้โดย เดวิด สต็อคเดล 


       ฟูแล่ม ได้โอกาสลุ้นประตูบ้างในนาทีที่ 29 เมื่อ มาร์ติน เคลลี่ เสียบอลให้ คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ตรงกลางสนามก่อนจะลองซัดไกลแต่ โฆเซ่ เรน่า ก็พุ่งเซฟเอาไว้ได้ก่อนกองหลังจะเคลียร์ทิ้งออกไปแต่บอลยังไปเข้าทางฟูแล่มและได้เกือบได้โอกาสยิงประตูอีกครั้งเมื่อบอลจาก แดนนี่ เมอร์ฟี่ ถูกถ่ายออกไปทางด้านซ้ายให้  แอนดี้ จอห์นสัน พาบอลไปสุดเส้นหลังก่อนจะโยกหลอก มาร์ติน สเคอร์เทล แล้วจ่ายเข้ามาหน้าประตู แดเนียล แอ็กเกอร์ พลาดเสียหลักทำให้บอลเลยมาถึง มูสซา เดมเบเล่ ได้ยิงด้วยซ้ายแต่โดนบอลไม่ดี โฆเซ่ เรน่า รับเอาไว้ได้


       เกมผ่านเข้าสู่ช่วงท้ายของครึ่งแรก "หงส์แดง" เจ้าบ้านก็ยังหาทางเจาะแผงหลังฟูแล่มเข้าไปหาโอกาสเหมาะๆยิงไม่ได้เลยได้แต่ต่อบอลไปมาจนกระทั่งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ลิเวอร์พูล ก็ได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อ มาร์ติน เคลลี่ ได้เปิดบอลจากทางขวาเข้ามาหน้าประตูให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส โหม่งแต่ก็ยังไม่ตรงกรอบออกหลังไป จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0


       เริ่มขึ้นครึ่งหลังขึ้นมายังคงเป็นเจ้าถิ่นลิเวอร์พูลที่ยังทำเกมบุกเข้าใส่ทีมเยือนอย่างต่อเนื่องหวังยิงประตูขึ้นนำให้ได้และก็มาทำสำเร็จในนาทีที่ 52 จากจังหวะผิดพลาดของ คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ที่จ่ายบอลคืนหลังได้โดน เดิร์ค เค้าท์ ไปเข้าทาง เฟร์นานโด ตอร์เรส หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะได้ยิงไปแฉลบขา เบรเด้ ฮันเกลันด์ เปลี่ยนทางไปชนเสา บอลกระดอนอยู่หน้าประตูยังไม่เข้าเป็น จอห์น แพนต์ซิล ที่พยายามเข้ามาเคลียร์ทิ้งแต่จังหวะเตะบอลไปแย่งกับ เดวิด สต็อคเดล นายทวารทำให้โดนบอลไม่ดีปลิ้นเข้าประตูตัวเองไปให้ เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0


       หลังจากโดนนำ ฟูแล่ม ก็พยายามบุกเพื่อตีเสมอให้ได้และได้โอกาสลุ้นในนาทีที่ 59 จากการโยนเข้ามากลางของ จอห์น แพนต์ซิล บอลมาถึง คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ได้กระโดดยิงแต่บอลแต่ โฆเซ่ เรน่า รับเอาไว้ได้สบาย


       เกมผ่านครึ่งทางของครึ่งหลังทั้งสองฝ่ายเปิดเกมบุกแลกเข้าใส่กัน นอกจากนั้นเริ่มจะมีการเข้าบอลหนักเข้าใส่กันจน จอห์น แพนต์ซิล ได้รับใบเหลืองไปเป็นของกำนัล


       นาทีที่ 73 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสลุ้นประตูที่สองบ้างจากการเล่นเกมโต้กลับ เมื่อ โฆเซ่ เรน่า ขว้างบอลยาวให้ ราอูล เมยเรเลส ตรงกลางสนามก่อนจะแตะอ้อม เบรเด้ ฮันเกลันด์ ก่อนจะวิ่งกวดบอลขึ้นไปตรงหน้าเขตโทษก่อนจะจ่ายขวางไปให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่วิ่งตามขึ้นมาแต่จังหวะสุดท้ายโดนกองหลังฟูแล่มวิ่งเข้ามาสกัดเข้าไว้ได้ทันได้แค่ลูกเตะมุม


       เข้าสู่ช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูล ยังเป็นฝ่ายครองเกมเอาไว้ได้ โดยไม่ปล่อยโอกาสให้ ฟูแล่ม หาโอกาสเข้าไปยิงได้จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะไป 1-0 เก็บชัยได้เป็นนัดที่สองติดต่อกัน ขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 7 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
 ลิเวอร์พูล :
 โฆเซ่ เรน่า, มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนียล แอ็กเกอร์, เกล็น จอห์นสัน, ราอูล เมยเรเลส, คริสเตียน โพลเซ่น, เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, มักซี่ โรดริเกซ, เฟร์นานโด ตอร์เรส
 สำรอง : ปีเตอร์ กูลัคซี่, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, โจ โคล, ดาเนียล ปาเชโก้, แดนนี่ วิลสัน, ดาวิด เอ็นก็อก, จอนโจ เชลวี่ย์
 ฟูแล่ม : เดวิด สต็อคเดล, จอห์น แพนต์ซิล, อารอน ฮิวจ์ส, เบรเด้ ฮันเกลันด์, คริส แบร์ด, เดเมี่ยน ดัฟฟ์, สตีฟ ซิดเวลล์, แดนนี่ เมอร์ฟี่, คลินท์ เดมพ์ซี่ย์, มูสซา เดมเบเล่, แอนดี้ จอห์นสัน
 สำรอง : นีล เอเธอร์ริดจ์, สตีเฟ่น เคลลี่, คาร์ลอส ซัลซิโด้, โซลตาน เกร่า, ดิโอม็องซี่ กามาร่า, โจนาธาน กรีนนิ่ง, ไซม่อน เดวิส
 ผู้ตัดสิน : ลี โพรเบิร์ต



เคนนี่ ดัลกลิช ยืนลุ้นลูกทีมอย่างหนัก


สตีเฟ่น เจอร์ราร์ดดีใจกับราอูล เมยเรเลสหลังคัมแบ็กช่วยทีมเก็บสามคะแนน 




เฟร์นานโด ตอร์เรสพาบอลหนีแดนนี่ เมอร์ฟี่อดีตเด็กหงส์แดง

ที่มา : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110127_059.html

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

หงส์ชนะแล้วบุกอัดวูล์ฟส์3-0,คิงเคนนี่เฮลั่น!


 เคนนี่ ดัลกลิช คุม"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เก็บชัยได้แล้วในการหวนคุมทีมคำรบสองเมื่อยกพลบุกไปอัดวูล์ฟแฮมป์ตันดับคาถิ่นโมลินิวว์ 3-0 เฟร์นานโด ตอร์เรส ซัดคนเดียวสองตุง

     
วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-3 ลิเวอร์พูล

     สนาม : โมลินิวว์ 

     "หมาป่า" วูล์ฟแฮมป์ตัน ลงสนามรับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยหากเจ้าถิ่นเก็บชัยได้จะเป็นการเอาชนะ ลิเวอร์พูล แบบไปกลับได้เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี

     เกมนี้เจ้าถิ่นใส่ชื่อ อดัม แฮมมิลล์ เด็กเก่า หงส์แดง ที่เพิ่งคว้ามาจาก บาร์นสลี่ย์เป็นตัวสำรองโดนวางเควิน ดอยล์ ยืนกองหน้าคู่ สตีเว่น เฟล็ทเชอร์

     ฝั่งทีมเยือนยังไร้สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมที่ติดโทษแบนเป็นนัดสุดท้าย แต่ยังมีเฟร์นานโด ตอร์เรส, เดิร์ค เค้าท์ และ ราอูล เมยเรเลส นำทัพ 

     ครึ่งแรกน.9 หงส์แดงได้ลุ้นเมื่อเกล็น จอห์นสัน ทุ่มบอลให้เฟร์นานโด ตอร์เรส แตะกลับมาให้จอห์นสันแทงบอลต่อให้ลูคัส เลวา หลุดขึ้นไปจนสุดเส้นหลังก่อนปาดกลับมาให้คริสเตียน โพลเซ่น ซัดเน้นๆแต่ไปติดบล็อคริชาร์ด สเตียร์แมน กองหลังเจ้าถิ่นอย่างน่าเสียดาย

     น.21 ยังเป็นโอกาสของทีมเยือนเมื่อราอูล เมยเรเลสวางบอลยาวจากกลางสนามให้เฟร์นานโด ตอร์เรส หลุดไปจนถึงกรอบดทษแล้วกระดกบอลหนีคริสตอฟ เบอร์ร่ามาซัดด้วยซ้ายแต่บอลพุ่งตรงตัวเวย์น เฮนเนสซี่ย์ นายด่านวูล์ฟส์เลยทุบออกมาได้

     น.32 หงส์แดงได้ลุ้นเมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรส ดีดบอลคืนกลับมาให้ราอูล เมยเรเลส เอี้ยววอลเล่ย์ด้วยซ้ายจากหน้ากรอบแต่บอลพุ่งถากเสาออกหลังไป

     น.36 ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 เมื่อราอูล เมยเรเลส หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในกรอบโทษฝั่งขวาแล้วบรรจงไหลบอลให้เฟร์นานโด ตอร์เรส แปโล่งๆตรงจุดโทษตุงตาข่าย

     นาทีสุดท้ายวูล์ฟส์เกือบตีเสมอได้จากจังหวะฟรีคิกทางฝั่งซ้ายบอลเลยไปเสาไกลเนนาด มิลิยาส สอดเข้าไปซัดแต่โฆเซ่ เรน่า พุ่งออกมาบล็อกได้ทันทำให้หมดครึ่งแรกลิเวอร์พูลบุกนำ 1-0

     ครึ่งหลังน.49 หงส์หวิดได้เพิ่มเมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรส ตักบอลให้เดิร์ค เค้าท์ หลุดเดี่ยวไปจนถึงกรอบโทษแต่เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ออกมาเร็วเค้าท์เลยต้องรีบจิ้มแต่โดนปลายเท้าเลยติดตัวนายด่านเจ้าถิ่นอย่างน่าเสียดาย

     น.50 ลิเวอร์พูลนำ 2-0 เมื่อดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ เปิดฟรีคิกจากกลางสนามไปหน้าประตูวูล์ฟส์กองหลังเจ้าถิ่นโหม่งสกัดไม่ดีกลายเป็นตั้งบอลให้ราอูล เมยเรเลส วอลเลยืสวนด้วยขวาแบบไม่ต้องจับบอลฮุกเป็นลูกใบไม้ร่วงเสียบสามเหลี่ยมตุงตาข่ายอย่างงามหยด

     จากนั้นวูล์ฟส์ครองเกมบุกได้เหนือกว่าแต่จังหวะสุดท้ายไม่คมกันเองแถมหวิดโดนจังหวะโต้กลับของทีมเยือนเล่นงานในนาที 68 เมื่อราอูล เมยเรเลส หลุดไปซัดตรงกรอบโทษแต่บอลพุ่งเข้าซองเวย์น เฮนเนสซี่ย์

     น.73ยังเป็นโอกาสของทีมเยือนเมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรส ได้บอลตรงกลางสนามแล้วตวัดต่อให้ราอูล เมยเรเลส หลุดขึ้นไปทางฝั่งขวาก่อนตักเข้าไปกลางประตูให้จอนโจ เชลวี่ย์ ดึงบอลลงแต่ห่างตัวไปเลยยิงบอลโด่งข้ามคานอย่างน่าผิดหวัง  

     จากนั้นเจ้าถิ่นยังครองเกมบุกกดดันหงส์แดงได้ต่อเนื่องแต่จังหวะสุดท้ายไม่เฉียบคมกันเองกระทั่งช่วงทดเจ็บกลายเป็นหงส์แดงที่ได้ประตูที่ 3 เมื่อเดิร์ค เค้าท์ พาบอลหลุดเข้าไปในกรอบแล้วโดนเบียดล้มลงแต่บอลยังไหลไปเข้าทางเฟร์นานโด ตอร์เรส แปโล่งๆตุงตาข่าย

     ทำให้จบเกมลิเวอร์พูลบุกชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน3-0 เก็บชัยเป็นนัดแรกในการคุมทีมของเคนนี่ ดัลกลิชได้เป็นผลสำเร็จ

     รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

     วูล์ฟแฮมป์ตัน :
 เวย์น เฮนเนสซี่ย์,โรนัลด์ ซูบาร์,คริสตอฟ เบอร์ร่า,ริชาร์ด สเตียร์แมน,สตีเฟ่น วอร์ด,แม็ตต์ จาร์วิส,เนนาด มิลิยาส,คาร์ล เฮนรี่,สตีเฟ่น ฮันท์,เควิน ดอยล์, สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ 

     ลิเวอร์พูล :
 โฆเซ่ เรน่า,มาร์ติน เคลลี่,ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,เกล็น จอห์นสัน,เดิร์ค เค้าท์,ราอูล เมยเรเลส,คริสเตียน โพลเซ่น,ลูคัส เลวา,มักซี่ โรดริเกซ,เฟร์นานโด ตอร์เรส

ที่มา : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110122_248.html

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

บาร์ซ่าทุ่ม4พันล้านบาทล่าตอร์เรส,เชส

 

"เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า พร้อมทุ่มเม็ดเงินเป็นจำนวน 85 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,080 ล้านบาท) เพื่อกระชาก เชส ฟาเบรกาส ห้องเครื่อง อาร์เซน่อล และ เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอก ลิเวอร์พูล เข้ามาเสริมทัพช่วงซัมเมอร์หน้า หลังปัญหาเรื่องการเงินของทีมคลี่คลายไปในทางที่ดี เมื่อได้รับเงินสนับสนุนก้อนโตจากสปอนเซอร์รายใหม่

     จากการที่ "บาร์ซ่า" บรรลุข้อตกลงกับ กาตาร์ ฟาวน์เดชั่น ในการเป็นสปอนเซอร์บนหน้าอกเสื้อของทีมด้วยมูลค่ารวม 150 ล้านยูโร (ประมาณ 6,000 ล้านบาท) ในระยะเวลา 5 ปี ส่งผลให้หลายฝ่ายเชื่อว่าพวกเขามีกำลังเงินมากพอที่จะทุ่มเม็ดเงินจำนวนดัง กล่าวเพื่อซื้อตัว 2 สตาร์ดังย้ายกลับไปเล่นในดินแดนบ้านเกิดได้

     ก่อน หน้านี้ ฟาเบรกาส เคยได้รับการติดต่อให้ย้ายกับไปเล่นกับทีมดังแห่งแคว้นคาตาลันมาตลอดช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา และที่ดูเหมือนจะใกล้เคียงที่สุดก็คงเป็นช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ทว่าเจ้าตัวถูกโน้มน้าวให้เล่นกับ "เดอะ กันเนอร์ส" ต่อไปสำเร็จ  ภายหลังมีการพูดคุยกับ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส

     ด้าน ตอร์เรส ที่มีฟอร์มการเล่นขึ้นๆ ลงๆ จนถึงเวลานี้กับ "เร้ด แมชีน" และตกเป็นข่าวว่า เรอัล มาดริด ต้องการตัวไปเสริมทัพ ทว่าเนื่องจากเจ้าตัวเป็นนักเตะเก่าของทีมคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง แอตเลติโก มาดริด จึงเป็นที่คาดหมายว่าน่าจะปฎิเสธการย้ายไปเล่นให้กับทีม "ราชันชุดขาว" ค่อนข้างแน่  

ที่มา : www.siamsport.co.th/Sport_Football/101219_154.html

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

liverpool-21-11-2010 หงส์ตีปีก!เปิดรังไล่ถล่มขุนค้อนนิ่ม 3-0







"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มดุ เปิดรังไล่ถล่ม เวสต์แฮม ทีมบ๊วยของตาราง 3-0 เก็บ 3 คะแนนเต็ม ขึ้นมารั้งที่ 9 ของตารางเรียบร้อย ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนที่ผ่านมา

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษลิเวอร์พูล 3 - 0 เวสต์แฮม

สนาม : แอนฟิลด์
 
     อีกคู่ที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูลขาดสตีเว่น เจอร์ราร์ดซึ่งเจ็บมาจากเกมทีมชาติ ทำให้เจมี่ คาร์ราเกอร์ซึ่งลงเล่นให้สโมสรเป็นเกมที่ 650 ได้สวมปลอกแขนกัปตัน
 
     พร้อมกันนี้ เกล็น จอห์นสันก็หายเจ็บกลับมาติดโผตัวจริงเช่นเดียวกับเดิร์ก เคาท์ซึ่งถอนตัวจากเกมทีมชาติ รวมถึงดาวิด เอ็นก๊อก ตลอดจนคริสเตียน โพลเซ่นซึ่งเสียบแทนลูคัส เลว่าที่ถูกแบน รวมแล้วปรับทัพสามรายจากเกมพ่ายสโต๊ค
 
     ส่วนเวสต์แฮมทีมบ๊วยเปลี่ยนขุนพลสองรายจากเกมเจ๊ากับแบล็คพูลโดยมี ราโดสลาฟ โควัชกับคาร์ลตันโคลได้แทนที่สก็อตต์ พาร์เกอร์กับคีร่อน ดายเออร์ซึ่งล้มเจ็บ
 
     เริ่มเกมขึ้นมา ลิเวอร์พูลก็เดินหน้าลุยใส่อาคันตุกะทันที และได้เสียวตั้งแต่นาทีที่ 3 จากการพาบอลบุกขึ้นทางซ้ายของเอ็นก๊อกแล้วตัดสินใจสับไกแถวริมเขตโทษทันที แต่โรเบิร์ต กรีนทิ้งตัวปัดให้พ้นกรอบได้
 
     เกมยังอยู่ในแดนขุนค้อนข้างเดียว และในนาทีที่ 10 เอ็นก๊อกก็ลากบอลจากฝั่งขวาแหวกเข้ามาตรงกลางก่อนจะจิ้มให้เฟร์นานโด ตอร์เรสเผด็จศึกจาก 20 หลาหลุดออกเส้นหลัง
 
     ถัดมาในนาทีที่ 17 ตอร์เรสป้ายบอลจากริมเขตโทษด้านซ้ายคืนให้ราอูล เมยเรเลสซัลโวระยะ 20 หลาถูกกรีนปัดพ้นคานได้สำเร็จ
 
     กระนั้นก็ดี จากลูกเตะมุมด้านขวา สาวกเดอะค็อปก็ได้เฮลั่นเมื่อจอห์นสันอดีตกองหลังเวสต์แฮมพักอกแต่งจังหวะ ให้ตัวเองวอลเลย์อย่างถนัดถนี่ระยะ 14 หลาผ่านกรีนได้สำเร็จ จึงเป็นอันว่าลิเวอร์พูลนำหน้า 1-0 ในนาทีที่ 18
 
     ดวลกันมาถึงนาทีที่ 27 ทีมจากเมืองกรุงก็ตาข่ายอีกเมื่อตอร์เรสกระดกบอลในเขตโทษแล้วแดนนี่ แกบบิดอนยกแขนขึ้นมาสกัด ผู้ตัดสินจึงชี้ไปที่จุดโทษ และเป็นเคาท์ที่สังหารไปกลางประตูโดยกรีนพุ่งไปทางซ้ายมือของตัวเอง ส่งผลให้หงส์แดงทิ้งห่างเป็น 2-0
 
     กระทั่งนาทีที่ 36 เดอะ แฮมเมอร์สจึงมีลุ้นหนแรกจากการวางบอลยาวทางกราบซ้ายของหลุยส์ บัวร์ม็อตที่โคลได้โขกจาก 12 หลา แต่ขาดความรุนแรงจึงถูกโฆเซ่ เรน่ากระโดดคว้าได้
 
     และในที่สุด อีกสองนาทีต่อมา ทีมเยือนก็เสียท่าอีกตามเคยเมื่อตอร์เรสทะลุเข้าไปเข่นในเขตโทษด้านซ้ายถูก กรีนใช้ขาสกัดได้ที่เสาแรก แต่พอล คอนเชสกี้เด็กเก่าขุนค้อนอีกรายเก็บบอลที่ริมสนามได้จึงสาดยาวกลับมาให้มัก ซี่ โรดริเกซโขกจาก 12 หลาสะบัดเข้าเสาไกลสุดที่กรีนจะพุ่งปัดถึงทำให้เร้ด แมชีนนำห่าง 3-0
 
     ท้ายครึ่งแรก เจ้าบ้านเพลาเครื่องลงจึงเป็นโอกาสที่ทีมเยือนได้เล่นเกมรุกบ้าง แต่ก็ไร้พิษสง ครบ 45 นาทีลิเวอร์พูลจึงนำไปแบบหายห่วง 3-0
 
     ครึ่งหลัง แกร้นท์ เปลี่ยนตัวด้วยการส่ง ปาโบล บาร์เรร่า แทน วิคเตอร์ โอบินน่า ที่เล่นไม่ออก ขณะที่ในนาทีที่ 52 ตอร์เรส พยายามฟ้องว่า แก๊บบิดอน ใช้มือปัดบอลในกรอบเขตโทษอีก แต่คราวนี้ ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร
 
     ลิเวอร์พูล ยังเป็นฝ่ายครองเกมได้เหนือกว่า โดย ตอร์เรส ได้ยิงติดเซฟ ก่อนที่ในนาทีที่ 68 มักซี่ จะหลุดเข้าไปตวัดมุมแคบในกรอบเขตโทษด้านซ้ายผ่านหน้าประตูไป
 
     นาทีที่ 72 หงส์แดง น่าได้ประตูสุดๆ เริ่มจาก ตอร์เรส ซัดไปติดมือ กรีน ที่ปัดไปชนคานเต็มๆ ลูกเด้งออกมา ก่อนที่ โพลเซ่น จะเก็บบอลได้แล้วส่องไกลในจังหวะต่อเนื่อง ทว่า กรีน ก็ยังเซฟไว้ได้
 
     จากนั้น รอย ฮอดจ์สัน เปลี่ยนตัวบ้างโดยส่ง ฟาบิโอ ออเรลิโอ ลงแทน เอ็นก๊อก ขณะที่ แกร้นท์ เปลี่ยนคนสุดท้ายส่ง เจมส์ ทอมกิ้นส์ แทน เอริต้า อิเลิงก้า ในช่วง 16 นาทีสุดท้าย
 
     เข้าสู่นาทีที่ 83 ฮอดจ์สัน ถอด เมยเรเลส ไปพักแล้วส่ง จอนโจ เชลวี่ย์ ดาวรุ่งที่ซื้อมาจาก ชาร์ลตัน ลงแทน ก่อนที่อีกสองนาทีต่อมา ตอร์เรส จะได้พักเพื่อเปิดทางให้ ไรอัน บาเบล ลงสนาม
 
     ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีฝ่ายใดทำอะไรกันได้อีก จบเกม ลิเวอร์พูล เอาชนะไปสวยงาม 3-0 ขึ้นไปรั้งอันดับเก้าของตารางพรีเมียร์ลีก ส่วน เวสต์แฮม จมบ๊วยต่อไป
 
     รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 
     ลิเวอร์พูล
: โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, พอล คอนเชสกี้, เดิร์ค เค้าท์, ราอูล เมยเรเลส, คริสเตียน โพลเซ่น, มักซี่ โรดริเกซ (จอนโจ เชลวี่ย์ น.83), เฟร์นานโด ตอร์เรส (ไรอัน บาเบล น.85), ดาวิด เอ็นก๊อก (ฟาบิโอ ออเรลิโอ น.73)
     สำรองไม่ได้ใช้ :
แบร็ด โจนส์, โซติริออส คีร์เกียคอส, มาร์ติน เคลลี่, เนธาน เอ๊คเคิลสตัน


     เวสต์แฮม :
โรเบิร์ต กรีน, ลาร์ส ยาค็อบเซ่น, แดนนี่ แก๊บบิดอน, แม็ตธิว อัพสัน, เอริต้า อิเลิงก้า (เจมส์ ทอมกิ้นส์ น.76), เฟรเดริก ปิกิยอนน์, มาร์ค โนเบิ้ล, ราโดสลาฟ โควัช, หลุยส์ บัว มอร์ต, วิคเตอร์ โอบินน่า (ปาโบล บาร์เรร่า น.46), คาร์ลตัน โคล (เบนนี่ แม็คคาร์ธี่ น.70)
     สำรองไม่ได้ใช้ :
มาเร็ค สเต็ช, วินสตัน รีด, โจนาธาน สเป็คเตอร์, แฟร้งค์ นูเบิ้ล
 
     ผู้ตัดสิน :
ลี โพรเบิร์ต

สรุปผลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
- อาร์เซน่อล แพ้ สเปอร์ส 2-3
- เบอร์มิงแฮม ชนะ เชลซี 1-0
- โบลตัน ชนะ นิวคาสเซิ่ล 5-1
- แบล็คพูล ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-1
- แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ วีแกน 2-0  
- เวสต์บรอมวิช แพ้ สโต๊ค ซิตี้ 0-3
- ลิเวอร์พูล ชนะ เวสต์แฮม 3-0

ที่มา : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/101121_015.html


วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ฮ็อดจ์สันปลื้มฟอร์มตอร์เรสกลับมาคมอีกครั้ง


 

รอย ฮ็อดจ์สัน นายใหญ่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ปลื้ม หลังเห็น เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกตัวความหวัง กลับมาสู่ฟอร์มสุดคมอีกครั้ง หลังล่าสุดซัดประตูชัย เกมชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มั่นใจหาก "เอล นินโญ่" รักษาฟอร์มแบบนี้ต่อไป มีสิทธิ์ที่คู่แข่งได้หนาวสั่นสะท้านแน่นอน

     รอย ฮ็อดจ์สัน ผู้จัดการทีมประสบการณ์สูงของ ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก กล่าวสรรเสริญฟอร์มสุดคมของ เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าทีมชาติสเปน หลังซัดประตูชัย ช่วยให้ "หงส์แดง" เฉือน แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-1 ที่สนาม แอนฟิลด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา

     อดีตกุนซือ ฟูแล่ม ให้ความเห็นหลังจบเกมว่า "ประตูนี้คงจะทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น ผมคิดว่า เขาทำผลงานได้ดีมากในวันนี้ เขาเคลื่อนที่ได้ดี และผมคิดว่า เขามีความมั่นใจ และมุ่งมั่นอย่างมาก เขาเป็นเหมือนกับนักเตะที่เรารู้จักแล้ว ถ้าเราสามารถทำให้เขารักษาฟอร์มแบบนี้ได้ต่อไปในอีก 29 เกมต่อจากนี้ เราคงจะสร้างปัญหามากมายให้กับคู่แข่ง มันเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นเขายิงประตูได้"

     "เขาเล่นได้ดีขึ้น กว่าเดิม นั่นเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของเขากับทีมในฤดูกาลนี้ เขาคงจะมีความสุขมากในค่ำคืนนี้ ที่เขาสร้างปัญหาได้มากมายเหมือนกับที่เขาเคยทำ และได้เห็นความกระตือรือร้นในการทำประตูเหมือนกับที่เขาเคยทำด้วย เขาอยากยิงประตูให้มากที่สุด"

     ฮ็อดจ์สัน กล่าวต่อไปว่า "เขาได้รับผลกระทบจากเสียงวิจารณ์ที่มีต่อเขาในศึกฟุตบอลโลก รวมทั้งการวิจารณ์เขา และสโมสรในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลนี้ บางทีเขาเริ่มพบกับความสุขในการเล่นอีกครั้ง มีพละกำลัง และความกระตือรือร้น วันนี้เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ"

ที่มา : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/101024_201.html

liverpool ตอร์เรสมาแล้ว!ซัดชัยหงส์หักกุหลาบ2-1

 

เฟร์นานโด ตอร์เรส สวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยพาลิเวอร์พูลเปิดแอนฟิลด์เชือดแบล็คเบิร์นแบบหืดขึ้น คอ 2-1เก็บชัยเกมลีกเป็นนัดที่ 2 ของซีซั่นแต่ยังจมท้ายตารางตามเดิม

     

ลิเวอร์พูล 2 - แบล็คเบิร์น 1

     รอย ฮ็อดจ์สัน เรียก ราอูล เมยราเลส, มักซี่ โรดริเกซ, สตีเว่น เจอร์ราร์ด และเฟร์นานโด ตอร์เรส ซึ่งได้พักในเกมยูโรป้า ลีก เมื่อวันพฤหัสกลับคืนตัวจริงโดยพร้อมเพรียง ส่วน แบล็คเบิร์น มี นิโกล่า คาลินิช เป็นความหวังแดนหน้า

     น. 8 ลิเวอร์พูลน่าได้ประตูนำ มักซี่ โรดริเกซ ทำชิ่งกับเฟร์นานโด ตอร์เรส ก่อนมิดฟิลด์ฟ้า-ขาวตวัดจากสุดเส้นหลังขวาให้ โจ โคล ยิงเหน่งๆ พอล โรบินสัน ใช้ขาเซฟมาเข้าทาง ราอูล เมยราเลส ซ้ำแต่ลื่นเลยยิงโดนไม่เต็มบอลหลุดกรอบเหลือเชื่อ

     น. 16 จากลูกเตะมุมฝั่งขวา สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดเข้ากลางให้ โซติรออส คีร์เกียกอส ขึ้นโขกบอลกำลังเสียบใต้ค้านแต่ พอล โรบินสัน ยังบินปัดได้หวุดหวิด

     น. 25 โฆเซ่ เรน่า ตัดบอลเตะมุมของแบล็คเบิร์นได้ก่อนขว้างเร็วให้ เจอร์ราร์ด พาบอลขึ้นไปเองจากกลางสนามจ่ายให้ ตอร์เรส ป้ายออกทางขวา มักซี่ โรดริเกซ ตบเรียดเข้ากลางให้ เจอร์ราร์ด ยิงจากเส้น เขตโทษ โรบินสัน ปัดไว้ได้ปลายมือ

     น. 39 ลิเวอร์พูลยังพับบุกข้างเดียว จากลูกเตะมุมด้านขวากองหลังกุหลาบไฟสกัดมาเข้าทาง ราอูล เมยราเลส ตั้งป้อมกดด้วยขวาบอลพุ่งตรงกรอบแต่ มิเชล ซัลกาโด้ โหม่งเคลียร์ออกหลัง

     ท้ายครึ่งแรก เจอร์ราร์ด ฉีกไปรับบอลริมเส้นขวาของเปิดมาเสาแรก มักซี่ โรดริเกซ เข้าชาร์จช้าไปนิดเดียว ผ่าน 45 นาทีแรกยังเสมอกัน 0-0

     น.47 ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งซ้ายสตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดเข้าไปหน้าประตูโซติริออส คีร์เกียกอส โถมขึ้นโขกโล่งๆตุงตาข่าย

     น.50 ทีมเยือนมาได้ประตูตีเสมอเมื่อ1-1เอล ฮัดจิ ดิยุฟ ได้ซัดตรงกรอบโทษบอลพุ่งลอดขาโฆเซ่ เรน่าไปแล้วเจมี่ คาร์ราเกอร์เตะสกัดวืดพอล คอนเชสกี้พยายามเตะสกัดทิ้งแต่โชคร้ายบอลพุ่งชนหัวคาร์ราเกอร์กระดอนเข้า ประตูไป

     น. 53 หงส์แดงออกนำ 1-0 เมื่อโจ โคล เปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้าไปหน้าประตูคีร์เกียกอส โหม่งเช็ดตรงเสาแรกบอลเลยไปถึงเฟร์นานโด ตอร์เรส แปโล่งๆที่เสาสองตุงตาข่าย

     จากนั้นเป็นทีมเยือนที่ครองเกมบุกได้น่ากลัวกว่าแต่ก็ยิงประตูทวง คืนไม่ได้ทำให้จบเกมลิเวอร์พูลบดชนะแบล็คเบิร์น 2-1 เก็บชัยเกมลีกเป็นนัดที่2ของซีซั่นแต่ยังจมท้ายตารางตามเดิม

     
     รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

     ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า, เจมี่ คาร์ราเกอร์, โซติรออส คีร์เกียกอส, มาร์ติน สเคอร์เทล, พอล คอนเชสกี้, ลูคัส เลว่า, ราอูล เมยราเลส, มักซี่ โรดริเกซ (จอนโจ เชฟวี่ย์ น. 89), สตีเว่น เจอร์ราร์ด, โจ โคล (ดาวิด เอ็นก๊อก น. 78), เฟร์นานโด ตอร์เรส

     สำรองไม่ได้ใช้ : แบรด โจนส์, มิลาน โยวาโนวิช, ไรอัน บาเบิล,คริสเตียน โพลเซ่น, มาร์ติน เคลลี่

     ใบเหลือง : มักซี่ โรดริเกซ, เมยราเลส

     แบล็คเบิร์น :
พอล โรบินสัน, มิเกล ซัลกาโด้, ฟิล โจนส์, กาแอล ชิเว่ต์, มาร์ติน โอลส์สัน, เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, สตีเว่น เอ็นซอน (วินเซนโซ่ เกรลล่า น. 33), มอร์เท่น กัมส์ท พีเดอร์เซ่น, เอล ฮัดจิ-ดิยุฟ, เดวิด ดันน์ (เดวิด ฮอยเล็ตต์ น. 68), นิโกล่า คาลินิช (เบนจานี่ เอ็มวารูวารี่ น. 46)

     สำรองไม่ได้ใช้ : มาร์ค บันน์, จอช มอร์ริส, ปาสกาล ชิมบงด้า, มาเม่ ดิยุฟ

     ใบเหลือง : ดันน์, โอลด์สัน, เกรลล่า

     ผู้ตัดสิน :
ฟิล ดาวล์


ที่มา : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/101024_201.html