วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หงส์ปีกหัก!ไก่ซัด 2 ตุงขึ้นมาที่5



นัดนี้ก่อนเกมส์ บอกได้คำเดียวว่า หงส์เป็นต่อ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้  ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ซัดลูกแรก
ให้สเปอร์ส ขึ้นนำ 1-0 ได้อย่างรวดเร็ว เล่นไปเพี่ยง 9 นาที เท่านั้น เห็นแล้วยอมรับลูกนี้จริง ๆ ทีมเจ้าบ้าน
เร่งเกมส์หนักขึ้นแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ มาเริ่มครึ่งหลังกันต่อ ลูก้า โมดริช ก็มาซัด อีก 1 ลูก ทำให้สเปอร์สหนีเป็น 2-0 , จบเกมส์ สเปอร์ส บุกมาชนะลิเวอร์พูล 2-0 พลิกมาอยู่ที่ 5 อีกครั้ง


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า, จอห์น ฟลานาแกน, มาร์ติน สเคอร์เทล, เจมี่ คาร์ราเกอร์, เกล็น จอห์นสัน, ลูคัส เลว่า, เจย์ สเปียริ่ง, มักซี่ โรดริเกซ, เดิร์ค เค้าท์, แอนดี้ แคร์โรลล์, หลุยส์ ซัวเรซ
สำรอง : ปีเตอร์ กูลาคชี่, โจ โคล, คริสเตียน โพลเซ่น, โซติริส คีร์เกียคอส, ดาวิด เอ็นก๊อก, จอนโจ้ เชลวี่ย์, แจ็ค โรบินสัน

สเปอร์ส : คาร์โล คูดิชินี่,  ยูเนส กาบูล, เล็ดลี่ย์ คิง, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, แดนนี่ โรส, ซานโดร, สตีเว่น พีนาร์, อารอน เลนน่อน, ลูก้า โมดริช, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท, ปีเตอร์ เคร้าช์
สำรอง : สตีเป้ เพลติโกซ่า, เจอร์เมน เดโฟ, โรมัน พาฟลิวเชนโก้, เซบาสเตียน บาสซง, แจ็ค ลิเวอร์มอร์, จอห์น บอสต๊อค

ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ศึกชิงตั๋วยูโรปาหงส์จัดชุดใหญ่ชนไก่ฟาดฟาร์ท


เกมสำคัญสำหรับการแย่งพื้นที่อันดับ 5 ซึ่งมีโควต้ายูโรปา ลีก หนึ่งเดียวเป็นเดิมพัน ระหว่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยังคงใช้บริการ หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงจอมขยัน ลงล่าตาข่ายทีมเยือน "ไก่เดือนทอง" ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่ลุ้น ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท โชว์ฟอร์มแจ่มช่วยทีมเช่นกัน เจ้าบ้านถือไพ่เหนือกว่า เพราะมีแต้มมากกว่า สเปอร์ส 2 คะแนน หากชนะได้ตั้งแต่เกมนี้หงส์แดงจะรับสิทธิ์ไปโลดแล่นในเวทียูโรปาทันทีโดยไม่ ต้องลุ้นถึงนัดสุดท้าย

ปรีวิวฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2554
ลิเวอร์พูล - สเปอร์ส

สนาม : แอนฟิลด์

        เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือ หงส์แดง กำลังผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่อง นำทีมเก็บชัยชนะ 4 จาก 5 นัดหลังสุด แถมยังยิงแหลก 17 ประตูด้วย ล่าสุดคือการบุกชนะ ฟูแล่ม กระจุย 5-2 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

        นั่นก็หมายความว่า ดัลกลิช ไม่น่าปรับทัพ 11 คนแรกอีกนัด แม้ว่า แอนดี้ แคร์โรลล์ ศูนย์หน้าค่าตัว 35 ล้านปอนด์ หายเจ็บเข่ากลับมาซ้อมแล้ว แต่ก็มีลุ้นแค่มีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรองเท่านั้น

        ราอูล เมยเรเลส กองกลางคนสำคัญ ที่เจ็บเล็กน้อยในเกมกับ ฟูแล่ม ก็ลงซ้อมร่วมกับเพื่อนร่วมทีมได้ตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไรกับการลงเล่นตัวจริงในเกมนี้

        ดูเหมือนว่า ดัลกลิช กำลังรับมือได้ดีกับการไม่มี สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมที่เจ็บโคนขาหนีบ, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ที่เจ็บเข่า ปิดเทอมไปก่อนเพื่อนแล้ว รวมถึง มาร์ติน เคลลี่ ที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า ไม่น่าฟิตทันซีซั่นนี้

        ระบบการเล่น 4-4-2 โฆเซ่ เรน่า เฝ้าเสา แนวรับใช้ เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, จอห์น ฟลานาแกน กองกลางมี ราอูล เมยเรเลส, เจย์ สเปียริ่ง, ลูคัส เลว่า, มักซี่ โรดริเกซ คู่หน้าใช้ เดิร์ค เค้าท์ ยืนคู่ หลุยส์ ซัวเรซ

        ด้าน แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ กุนซือ ไก่เดือยทอง ไปๆ มาๆ จะไม่ได้แม้โควต้ายูโรปาลีกด้วย เพราะจากที่ลุ้นอันดับ 4 อยู่ดี กลับเสียพื้นที่อันดับ 5 ให้ ลิเวอร์พูล นำหน้าอยู่ 2 คะแนนก่อนเกมนี้ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาต้องบุกชนะให้ได้ที่ แอนฟิลด์

        สภาพทีม วิลเลียม กัลลาส เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวเก่งเจ็บน่อง ดูเหมือนจะปิดฉากฤดูกาลนี้แล้ว แต่ก็มี ยูเนส กาบุล กับ เซบาสเตียง บาสซง ที่พร้อมสแตนด์บายอยู่แล้ว

        เลดลี่ย์ คิง ไปอีกคนที่อาจมีชื่อบุกเยือน แอนฟิลด์ ด้วย หลังหายเจ็บประสบความสำเร็จในการเรียกความฟิตจากอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบกลับ มาเสียที ล่าสุดผ่านเกมสำรองกลางสัปดาห์แบบไม่มีปัญหาด้วย

        ในรายที่ เร้ดแน็ปป์ ยังต้องกุมขมับมีหลายตำแหน่งทีเดียว แกเร็ธ เบล (ข้อเท้า), เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ (เอ็นหลังหัวเข่า), เอเรลโญ่ โกเมส (หลัง), เจอร์เมน จีนัส (ต้นขา), อลัน ฮัตตัน (เข่า), โจนาธาน วู้ดเกต (น่อง) ล่าสุด วิลสัน ปาลาซิ
ออส มีปัญหาเจ็บเข่ากำเริบจากเกมที่แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-1 เมื่อวันอังคารอีก

        ระบบการเล่น 4-4-1-1 คาร์โล คูดิชินี่ เฝ้าเสา แนวรับใช้ เวดราน ชอร์ลูก้า, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, ยูเนส กาบุล, แดนนี่ โรส กองกลางมี อารอน เลนน่อน, ซานโดร, ลูก้า โมดริช, สตีเว่น พีนาร์ แดนหน้า ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เป็นหน้าต่ำอยู่ด้านหลัง โรมัน พาฟลิวเชนโก้

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, จอห์น ฟลานาแกน - ราอูล เมยเรเลส, เจย์ สเปียริ่ง, ลูคัส เลว่า, มักซี่ โรดริเกซ - เดิร์ค เค้าท์, หลุยส์ ซัวเรซ


     สเปอร์ส :
คาร์โล คูดิชินี่ - เวดราน ชอร์ลูก้า, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, ยูเนส กาบุล, แดนนี่ โรส - อารอน เลนน่อน, ซานโดร, ลูก้า โมดริช, สตีเว่น พีนาร์ - ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท - โรมัน พาฟลิวเชนโก้

       
        ผู้ตัดสิน :
ลี เมสัน

หงส์หายห่วงไม่แพ้ไก่ในบ้าน 16 นัดติด

        ลิเวอร์พูล หายห่วงยามเปิดรัง แอนฟิลด์ รับมือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เพราะ 16 นัดหลังสุดที่สนามแห่งนี้พวกเขาไม่เคยปราชัย แถมย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1986 เป็นต้นมา พวกเขายังเสียท่าให้ ไก่เดือยทอง แค่เกมเดียวด้วย

        สถิติของ เดอะ เร้ดส์ ไม่แพ้ในลีกต่อ ไก่เดือยทอง ที่แอนฟิลด์มา 16 นัดติดต่อกันแล้ว นอกจากนี้ 23 นัดหลังสุดนับตั้งแต่ปี 1986 หงส์แดง ยังเก็บชัยชนะถึง 16 นัด เสมอ 6 นัด และแพ้คาบ้านต่อ สเปอร์ส แค่นัดเดียวเท่านั้น

        ชัยชนะนัดดังกล่าวของ สเปอร์ส เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 1993 เท็ดดี้ เชอริงแฮม ซัลโวคนเดียวสองประตูในชัยชนะ 2-1 แต่ชัยชนะที่แอนฟิลด์นัดสุดท้ายจริงๆ เป็นเกมลีกคัพปี 1998 ที่ สเปอร์ส บุกชนะ 3-1

โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
19.30 น. เชลซี - นิวคาสเซิ่ล 
22.00 น. อาร์เซน่อล - แอสตัน วิลล่า 
22.00 น. เบอร์มิงแฮม - ฟูแล่ม  
22.00 น. ลิเวอร์พูล - สเปอร์ส 
22.00 น. วีแกน - เวสต์แฮม  



ที่มา : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110515_012.html

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

เคาท์แฮตทริก!หงส์กำชัยแดงเดือดอัดผี3-1


"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มระเบิด เปิดรังแอนฟิลด์ถล่มคู่ปรับตลอดกาลอย่าง "ปีศาจแดง" แมนฯยูไนเต็ด ไปแบบไม่เกรงใจ 3-1 เดิร์ก เคาท์ อาสายิงแทนเพื่อนเหมาแฮตทริกคนเดียวในเกมนี้ ก่อน ชิชาริโต้ จะมาโหม่งประตูตีไข่แตกช่วงทดเจ็บ ลิเวอร์พูลเก็บสามคะแนนพร้อมแซงขึ้นที่6 ส่วน แมนฯยูไนเต็ด นำ อาร์เซน่อล3คะแนนเท่าเดิม แต่แข่งมากกว่าหนึ่งนัด ในศึกพรีเมียร์ลีก เกมแดงเดือด เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม ที่ผ่านมา
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
  วันอาทิตย์ที่ 6 มี.ค.54
  ลิเวอร์พูล 3-1 แมนฯ ยูไนเต็ด
   

สนาม:แอนฟิลด์


      ศึกวันแดงเดือดที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูลใส่ชื่อแอนดรูว์ แคร์โรลล์กองหน้าค่าตัวสถิติสโมสร 35 ล้านปอนด์ที่หายเจ็บต้นขาเป็นตัวสำรองเกมแรกนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมจากนิวคาสเซิ่ล 


        ด้านสตีเว่น เจอร์ราร์ดที่ตกเป็นข่าวลือก่อนเกมว่าเจ็บขาหนีบช่วงซ้อมมีชื่อเป็นตัวจริง รวมแล้วหงส์แดงเปลี่ยนผู้เล่นสองรายจากนัดพ่ายเวสต์แฮมโดยแบ็คซ้ายฟาบิโอ ออเรลิโอลงบู๊แทนมาร์ติน เคลลี่ที่บาดเจ็บ และโยกเกล็น จอห์นสันกลับไปเล่นแบ็คขวา ขณะที่แดนนี่ วิลสันเสียตำแหน่งให้กับมักซี่ โรดริเกซ


        ส่วนแมนฯ ยูไนเต็ดประสบปัญหาใหญ่ไม่มีคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟริโอ เฟอร์ดินานด์ที่บาดเจ็บ และเนมานย่า วิดิชที่ติดโทษแบน ทำให้เวส บราวน์ได้ประสานงานกับคริส สมอลลิ่งโดยมีปาทริซ เอวร่ารับภาระกัปตัน


         พร้อมกันนี้ไรอัน กิ๊กส์ก็ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงทำลายสถิติลงเล่นให้สโมสรในลีก 606 นัดของเซอร์ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน


         ขณะเดียวกัน ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟกองหน้าบัลแกเรียที่ยิงแฮททริคหักปีกหงส์ในลีกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดก็กลับมาอยู่ในโผตัวจริงเช่นเดียวกับแบ็คขวาราฟาเอล ดา ซิลวา


       เกมเริ่มต้นโดยลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายเดินหน้ากดดันอาคันตุกะก่อน แต่นาทีที่ 16 เป็นแมนฯ ยูไนเต็ดที่มีลุ้นจนน่าจะพังประตูได้จากจังหวะซัลโวหน้าเขตโทษของเบอร์บาตอฟ แล้วบอลตกพื้นกระดอนหนีสุดมือโฆเซ่ เรน่าแล้ว แต่มีเสาช่วยเซฟเจ้าบ้านไว้


         หลังเกือบเสียความบริสุทธิ์ ลิเวอร์พูลก็เร่งเกมทันที และเกือบนำเช่นกันในอีกสองนาทีต่อมาจากลูกวางยาวทางกราบขวาของหลุยส์ ซัวเรซที่ลอยเข้าเขตโทษแล้วราอูล เมยเรเลสโขกตั้งย้อนไปที่เสาแรก แต่เดิร์ก เคาท์แหย่ขาเข้าฮอสระยะเผาขนไม่ถึง เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์จึงคว้าเอาไว้


         อย่างไรก็ดี ผ่านมาถึงนาทีที่ 24 ออเรลิโอจอมเดี้ยงก็เจ็บเอ็นหลังเข่าซ้าย และเล่นต่อไม่ได้ต้องเดินออกให้โซติริออส คีร์เกียคอสลงไปเสียบแทน


         นับจากนั้น เกมของเจ้าบ้านก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง และนาทีที่ 34 ซัวเรซก็ระเบิดฟอร์มเทพเลื้อยเข้าเขตโทษด้านซ้ายแล้วล็อคหลบสามแข้งผีทั้งราฟาเอล , ไมเคิ่ล คาร์ริค และบราวน์ก่อนจะไหลจากเส้นหลังลอดหว่างขาฟาน เดอร์ ซาร์ไปหน้าประตูให้เคาท์จิ้มจากระยะหลาเดียวตุงตาข่ายพาลิเวอร์พูลนำ 1-0  แม้นายทวารผีแดงจะพยายามประท้วงว่าดาวเตะดัตช์ล้ำหน้าก็ไม่เป็นผล 


        หงส์แดงได้ใจขึ้นมาทันที และเปิดฉากบดขยี้ทีมจ่าฝูงอย่างต่อเนื่อง จากนั้นอีกสี่นาทีต่อมาซัวเรซก็ตักบอลยาวจากกราบขวาเข้าเขตโทษแล้วนานี่ทำพลาดโขกสกัดผิดเหลี่ยม บอลย้อนกลับไปหน้าปากประตูตัวเองให้เคาท์ขวิดจากหกหลาไม่เหลือเพิ่มสกอร์ให้ลิเวอร์พูลนำห่าง 2-0


         ท้ายครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ดพยายามดันเกมขึ้นสูง ขณะที่หงส์แดงเน้นแพ็คเกมอย่างรัดกุม กระทั่งนาทีที่ 45 เจมี่ คาร์ราเกอร์ก็เปิดปุ่มยันใส่แข้งซ้ายนานี่เต็มแรงแถมริมสนามแล้วผู้เล่นทั้งสองฝ่ายกรูเข้ากดดันสิงห์เชิ้ตดำอย่างหนัก ก่อนที่กองหลังเจ้าบ้านจะได้ใบเหลืองพร้อมฟาน เดอร์ ซาร์ที่วิ่งมาประท้วงถึงกลางสนามโดยปีกโปรตุกีสที่ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดถูกหามลงเปลออกไป


         ช่วงทดเวลาเจ็บ ปีศาจแดงเล่นสิบคนไปก่อน และเกมยังเดือดมีจังหวะที่ราฟาเอลปั๊มแย่งบอลกับมักซี่ ก่อนจะตามไปปะทะกับลูคัส เลว่าแบบไม่ยั้งจนทำเอามาร์ติน สเคอร์เทลฉุนแทนเพื่อนปรี่เข้ามาผลักอกกับราฟาเอลก่อนที่ทั้งคู่จะได้ใบเหลือง


        จากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ดก็เปลี่ยนฮาเวียร์ เอร์นานเดซลงไปแทนนานี่ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่าจบเกมในครึ่งแรกโดยเจ้าบ้านนำ 2-0 


     ครึ่งหลังลิเวอร์พูลเล่นกันได้ด้วยความสบายใจ แต่นาทีที่ 49 ผีแดงได้เสียวจากการสาดบอลยาวทางฝั่งขวาของเบอร์บาตอฟ ทว่าเอร์นานเดซเข้าวอลเลย์ระยะสิบหลาไม่เต็มเท้า บอลจึงหลุดออกเส้นหลัง


       ถัดมาในนาทีที่ 55 ผีแดงน่าจะตีไข่แตกได้เมื่อเวย์น รูนีย์พาบอลลุยขึ้นไปทางซ้ายแล้วโยกหนีคาร์ราเกอร์ก่อนจะปาดเข้ากลางให้กิ๊กส์วิ่งเข้าเข่นระยะ 16 หลาโดยไม่ต้องจับส่งบอลโด่งข้ามคานไปนิดเดียว


       ทีมเยือนอาศัยความใจสู้และขยันสร้างปัญหาให้เจ้าบ้านได้ทีละน้อย กระทั่งนาทีที่ 59 รูนีย์ก็ตักบอลจากกราบซ้ายไปเสาไกลแล้วเจ้าบ้านเคลียร์ไม่ขาด บอลย้อนกลับมาเสาแรกให้เบอร์บาตอฟโขกเผาขนไปติดอกเมยเลเรสที่คุมเสาอยู่


       ล่วงมาอีกสามนาที ลิเวอร์พูลโต้ได้ดีจนน่าจะเพิ่มสกอร์ได้เมื่อเคาท์ไหลบอลทะลุช่องให้เมยเรเลสหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษด้านซ้ายโดยไม่ล้ำหน้า แต่จังหวะสับไกถูกฟาน เดอร์ ซาร์ทิ้งตัวปัดได้ก่อนที่เอวร่าจะตามไปเตะทิ้งอีกแรง


       อย่างไรก็ดี นาทีที่ 65 เจ้าบ้านได้ลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษด้านขวาหลังจากบราวน์ทำฟาวล์เคาท์  ซัวเรซจึงรับหน้าที่ซัดไปที่เสาแรกถูกฟาน เดอร์ ซาร์ตะปบหลุดมือ ทำให้เคาท์จอมเก็บตกปรี่เข้าซ้ำเผาขนพาหงส์แดงนำลิ่ว 3-0 เป็นแฮททริคของดาวเตะกังหันลม


      กระทั่งนาทีที่ 74 ลิเวอร์พูลก็เปลี่ยนเมยเรเลสออก ส่งแคร์โรลล์ลงประเดิมสนาม จากนั้นอีกสองนาทีผีแดงก็ปล่อยจอห์น โอเชลงบู๊แทนราฟาเอล


      ช่วงท้าย หงส์แดงกลับมากางตำราบุกเอาใจสาวกอีกรอบ จวบจนนาทีที่ 84 สโคลส์ก็โดนจดชื่อข้อหาดักซัวเรซล้มก่อนที่ทีมเยือนจะเปลี่ยนดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ลงเล่นแทนสโคลส์


       นาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูลส่งโจ โคลลงไปแทนซัวเรซ และจากลูกฟรีคิกทางกราบขวาของเจ้าถิ่น ลูคัสก็จ่ายมาหน้าเขตโทษให้เจอร์ราร์ดวิ่งเข้าแปกระทบเคาท์เฉี่ยวกรอบไปอย่างเฉียดฉิว


        จากนั้นในช่วงทดเวลาเจ็บ แมนฯ ยูไนเต็ดก็ได้ประตูปลอบใจเมื่อกิ๊กส์โยนบอลจากริมเขตโทษด้านขวามาให้เอร์นานเดซโขกจากหกหลาสะบัดเข้าเสาสองงดงาม จบเกมหงส์แดงจึงพิชิตปีศาจแดง 3-1 ขยับจากอันดับเจ็ดขึ้นสู่ที่หกขณะที่เร้ด เดวิลส์แพ้เป็นนัดที่สาม ยังนำเป็นจ่าฝูงมีคะแนนมากกว่าอาร์เซน่อลสามแต้ม แต่ลงเล่นมากกว่าหนึ่งนัด

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า, เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ (โซริติส คีร์เกียกอส น.24), สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ลูคัส เลวา, เดิร์ค เคาท์, ราอูล เมยเรเลส (แอนดรูว์ แคร์โรลล์ น.74), มักซี่ โรดริเกซ, หลุยส์ ซัวเรซ (โจ โคล น.89)
สำรองไม่ได้ใช้ : ปีเตอร์ กูลัคชี่, ดาวิด เอ็นก๊อก, เจย์ สเพียริ่ง, คริสเตียน โพลเซ่น
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, ราฟาเอล ดา ซิลวา (จอห์น โอเช น.76), คริส สมอลลิ่ง, เวส บราวน์, ปาทริซ เอวร่า, นานี่ (ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ น.46), ไมเคิ่ล คาร์ริค, พอล สโคลส์ (ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ น.83), ไรอัน กิ๊กส์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, เวย์น รูนี่ย์ 
สำรองไม่ได้ใช้ : โทมัส คุสแซ็ค, ฟาบิโอ ดา ซิลวา, กาเบรียล โอแบร์ต็อง, ดาร์รอน กิ๊บสัน
ผู้ตัดสิน : ฟิล ดาวด์




เดิร์ก เคาท์วิ่งมาแปโล่งๆเป็นประตูเบิกร่องให้กับลิเวอร์พูล 



เพื่อนๆวิ่งมาดีใจกับหลุยส์ ซัวเรซหลังโชว์ฟอร์มลากเลื้อยจนเป็นส่วนให้ทีมได้ประตู


แอนดี้ คาร์โรลล์ได้มีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมนี้ครั้งแรกหลังจากย้ายจากนิวคาสเซิ่ล


นานี่เดี้ยงหนักจนต้องหามลงเปลออกจากสนาม



คิง เคนนี่ยิ้มร่าเริงหลังทีมผลงานเยี่ยมแถมเหล่าเดอะ ค็อปยังร้องเพลงแฮปปี้ เบิร์ธ เดย์ให้อีก


ที่มา : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110306_274.html

วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หงส์สมควรไร้แต้มแมตช์แพ้ค้อน,คิงเคนนี่กล่าว


เคนนี่ ดัลกลิช นายใหญ่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยอมรับ ลูกทีมของเขาเล่นได้น่าผิดหวัง ในเกมแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ชี้ฟอร์มแบบนี้ก็สมควรแล้วที่ไม่ได้แต้มกลับ แอนฟิลด์ พร้อมยันไม่เคยได้รับข้อเสนอสัญญา 2 ปีตามที่สื่อแอบอ้าง


     เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีมระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ยอมรับ "หงส์แดง" สมควรที่จะไม่ได้แต้ม ในเกมแพ้ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-3 ที่สนาม อัพตัน พาร์ค เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา


     เจ้าบ้านได้ประตูจาก สกอตต์ พาร์เกอร์, เดมบ้า บา และ คาร์ลตัน โคล ในขณะที่ "เดอะ เร้ดส์" ได้ประตูจาก เกล็น จอห์นสัน นอกจากความพ่ายแพ้ในแมตช์นี้แล้ว ลิเวอร์พูล ยังต้องเจอกับข่าวร้าย เพราะ มาร์ติน เคลลี่ แบ็กขวาดาวรุ่ง กับ ราอูล เมยเรเลส มิดฟิลด์เลือดฝอยทอง ได้รับบาดเจ็บด้วย


     "คิงเคนนี่" ให้ความเห็นถึงอาการเจ็บของ 2 แข้งสำคัญว่า "เขา (เคลลี่) เจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่า และ ราอูล โดนเตะที่หัวเข่า แน่นอน มาร์ติน อาการหนักกว่า ราอูล สำหรับอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าอาจทำให้เขาต้องพบกับความยากลำบากในวัน อาทิตย์หน้า (พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) แม้ผมไม่อยากกำหนดวัน เพราะผมไม่รู้ แต่ผมคิดว่า อาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า มันคงต้องใช้เวลามากกว่าสัปดาห์ ส่วน ราอูล เรายังไม่รู้"


     ส่วนฟอร์มการเล่นของทีมในแมตช์นี้ ดัลกลิช เผยว่า "นักเตะทำผลงานได้อย่างสุดยอดมาตลอดจนกระทั่งที่นี่ และผมคาดเอาไว้แล้วว่า มันต้องมีเรื่องแบบนี้เมื่อเราแพ้ ผมคิดว่า ต้องยกเครดิตให้กับนักเตะซึ่งสมควรที่จะได้รับ และผมคิดว่า พวกเขาจะยืนหยัดขึ้นมา และด้วยความสัตย์จริง วันนี้ต้องพูดว่า พวกเขาได้ในสิ่งที่ควรได้ก็คือ การไม่ได้แต้มอะไรเลย"


     "เราผิดหวังกับแนวทางการเล่นของเรา เราเริ่มต้นแบบสบายๆ แต่พวกเขาก็ได้ประตู นั่นทำให้พวกเขามีความเชื่อมั่น เวสต์แฮม ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับเราเลย เพราะพวกเขาสู้เพื่อความอยู่รอด หลังจากที่พวกเขาได้ประตู พวกเขาก็มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น แต่เราไม่ได้เล่นดีอย่างที่เราควรทำได้ เราผ่านบอลได้ไม่ดีเหมือนกับที่เราเคยทำ และเราไม่มีโอกาสเข้าทางเลย"


     "ในช่วง 20-25 นาทีสุดท้าย เราเริ่มเล่นได้อย่างที่เราเคยทำได้ เราได้ประตูในช่วงท้ายเกม และผมคิดว่าบางทีเราควรมีแต้ม แต่ คาร์ลตัน โคล ก็ยิงประตูอีกลูกในนาทีสุดท้าย ผมไม่รู้ว่า นี่เป็นผลที่เกิดกับนักเตะจากสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนวันพฤหัสบดี (ลงเล่น ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก) หรือเปล่า เพราะเราพบกับเกมที่สุดหิน เราไม่ได้ดูดีอย่างที่เราเคยเป็น ความพ่ายแพ้ไม่ใช่แค่ทำให้เราผิดหวัง แต่ยังรวมทั้งแนวทางการเล่นของเราด้วย"


     ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า แอนดี้ คาร์โรลล์ หัวหอกตัวใหม่ จะได้ลงเล่นเปิดตัวในแมตช์นี้ โดยกุนซือเลือดสกอตต์ เผยว่า "เราไม่เคยกำหนดวันว่า แอนดี้ จะลงเล่นเมื่อไหร่ ตราบใดที่เขาฟิต เราจะให้เขาลงเล่น อาจจะเป็นสัปดาห์หน้า หรือสัปดาห์อื่นๆ เราก็แค่ต้องรอและเฝ้าดู"


     สำหรับข่าวที่อ้างว่า เขาได้รับข้อเสนอสัญญา 2 ปีนั้น ดัลกลิช เปิดใจว่า "สัญญามาจากใครล่ะ?" นักข่าวตอบกลับมาว่า "จากสโมสร" จากนั้นเจ้าตัวก็ตอบต่อไปว่า "ผมคิดว่า คุณหมายถึงภรรยาของผมยื่นสัญญาให้ผมอีกครั้ง! ถ้ามีข่าวเราจะบอกพวกคุณแน่นอน ผมมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ ผมจะทำในสิ่งที่ต้องทำเพื่อสโมสร ไม่มีการเจรจามากไปกว่าครั้งแรก ดังนั้นผมไม่แน่ใจว่า พวกเขา (เดอะ ซัน) ได้ข่าวมาจากไหน"


ขอขอบคุณ : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110228_039.html

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หงส์ไม่เปรี้ยง!บุกเจ๊าปราก0-0ยูโรปานัดแรก

 

 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทำได้เพียงบุกเสมอ สปาร์ต้า ปราก จากสาธารณรัฐเช็ก 0-0 ทำให้ต้องกลับมาลุ้นเหนื่อยนัดสองที่แอนฟิลด์กันต่อ ในศึกยูโรปา ลีก รอบสาม นัดแรก คืนวันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบสาม นัดแรก
วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554
สปาร์ต้า ปราก (เช็ก) 0 - 0 ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)

สนาม : สตาดิโอน เลตเน่,  ปราก สาธารณรัฐเชก

     โยเซฟ โชวาเนช กุนซือเจ้าบ้าน สปาร์ต้า ปราก จัดทัดมาเน้นเกมรุกเปิดแลกเลย ให้ วัคลาฟ คัดเล็ช, อันเดรจ เคริช และ เลโอนี่ ควิวเก้ เป็นสามประสานแนวรุก ส่วนแนวรับมี โทมัส เร็ปก้า กัปตันทีมอดีตแข้งของ เวสต์แฮม เป็นหัวใจหลักในแผงหลัง

     เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไร้ชื่อของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แดเนียล แอ็กเกอร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ ไม่มีชื่อบินขึ้นเครื่องมากรุงปราก การจัดทัพ "คิง เคนนี่" ส่ง แดนนี่ วิลสัน ลงมายืนเป็นแบ็กซ้าย และดันเอา ฟาบิโอ ออเรลิโอ ขึ้นไปยืนปีกซ้าย
     และให้ เกล็น จอห์นสัน กลับไปประจำการแบ็กขวา ส่วนคู่กองหน้าเป็น ดาวิด เอ็นก๊อก กับ เดิร์ค เค้าท์
     เขี่ยบอลเริ่มเกมมาช่วง 15 นาทีแรกเกมส่วนใหญ่เป็นของเจ้าบ้านครองบอลไว้เกือบหมด ทว่ายังไม่มีโอกาสส่องลุ้นประตู ต้องรอถึงนาที 18 สปาร์ต้า ปราก น่าได้ประตูออกนำ มาร์ติน อเบน่า ไหลบอลออกมาทางซ้ายให้ มานูเอล ปามิช เติมขึ้นมากดบอลด้วยซ้ายเต็มข้อกำลังจะเสียบเสาสอง ทว่า โฆเซ่ เรน่า ไม่พลาดปัดบอลออกไปได้สวย
     รูปเกมเป็นของเจ้าบ้านข้างเดียว นาที 30 เค้าท์ ทำพลาดเสียบอลมาให้ มาเร็ค มาเตยอฟสกี้ ลากบอลเข้าไปดีดบอลมุมแคบไปเข้ามือ เรน่า ล้มตัวรับสบาย
     4 นาทีต่อมา หงส์แดง มารอดตายอีกครั้ง ออนเดรจ คุสเนียร์ ครอสบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษและ เรน่า ออกมาตัดบอลพลาดไปเข้าทาง ปามิช เติมขึ้นมาอัดบอลสวนโด่งข้ามคานออกไปนิดเดียว
     เจ้าบ้านครองเกมกระหน่ำบุกข้างเดียว และมาได้โอกาสลุ้นอีกจาก คุสเนียร์ เลี้ยงบอลตะลุยเข้ามาไหลต่อให้ มาเตยอฟสกี้ วิ่งเข้ามาแปบอลไปติดบล็อค โซติริออส คีร์เกียกอส กระเด้งออกไป
     นาที 38 ดัลกลิช ทนไม่ไหวต้องทำการปรับแท็กติกเปลี่ยนตัวคนแรกทันที ถอด ออเรลิโอ ออกมา และส่ง โจ โคล ลงไปบู๊แทน
     ช่วงท้ายเกมนาที 43 หงส์แดง เกือบมาออกนำก่อนจากจังหวะลูกเตะมุม ราอูล เมยเรเลส เปิดบอลเข้ามาให้ เอ็นก๊อก กระโดดโหม่งชงบอลมาให้ เค้าท์ ตวัดบอลจ่อๆไม่โดนหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย และจบครึ่งแรกสกอร์บอร์ดทั้งสองทีมยังไม่ทำงานเสมอกันอยู่ 0-0 ชนิดที่รูปเกมของเจ้าบ้านเหนือกว่าเยอะ
     กลับลงสนามมาสู้กันต่อใน 45 นาทีหลัง ดัลกลิช แก้เกมมาดีโดย ลิเวอร์พูล ครองเกมได้ดีขึ้นและเน้นขึ้นเกมทางฝั่งขวาใช้ เกล็น จอห์นสัน ทำเกมบุก ทว่ายังไม่มีโอกาสได้ส่องประตูแบบจังๆเลย
     เกมครั้งหลังของทั้งสองฝ่ายเนือยลงไปอย่างมากแทไม่มีจังหวะให้ได้ ลุ้นกันเลย นาที 61 เจ้าบ้านมาได้ลุ้นเล้กๆจากจังหวะที่ คามิล วาเซ็ค เปิดบอลมาให้ เลโอนี่ ควิวเก้ สอดเข้ามาโขกบอลเต็มกบาลหลุดเสาแรกออกไปไกล
     โอกาสถัดมาเป็นของ หงส์แดง บ้าง เอ็นก๊อก กระชากบอลมาสับขาหลอก คุสเนียร์ และเปิดบอลเรียดผ่านเข้ากลางมาให้ มักซี่ โรดริเกซ เข้าชาร์จไม่เต็มเท้าไปแฉลบ เร็ปก้า นิดนึงและไหลเข้าซอง ยาโรเมียร์ บลาเซ็ค รับสบาย
     นาที 68 อาคันตุกะมาพลาดการได้ประตูออกนำไปอย่างน่าเสียดาย ราอูล เมยเรเลส ตักบอลข้ามแนวรับเจ้าบ้านมาให้ จอห์นสัน จับบอลลงและเลี้ยงตัดหนีแนวรับเจ้าบ้านมาสองสามคนก่อนดีดบอลหลุดเสาสองออกไป นิดเดียว
     หลังจากนั้นเกมต้องหยุดพักลงไปสักครู่เนื่องจากมีแฟนบอลขว้างพลุลง มาในสนามฝั่งแระตูของ ลิเวอร์พูล จนเกิดควันไปทั่วสนาม ทว่าหลัง โฟลเรียน เมเยอร์ ผู้ตัดสินเช็กสถานการณ์ก็อนุญาตให้เล่นต่อไปได้ และนาที 75 เรน่า มาช่วยชีวิต หงส์แดง เอาไว้ได้เยี่ยม เมื่อเจ้าตัวพุ่งไปตะครุบรับบอลที่ ควิวเก้ ตวัดยิงกลับมาได้อยู่หมัด
     นาทีที่ 83 หงส์แดงปรับแผนตั้งรับมากขึ้นโดย ส่ง มาร์ติน สเคอร์เทล ลงมาแทน ดาวิด เอ็นก๊อก ที่ดูเหมือนว่าจะโชว์ฟอร์มไม่ออก
     นาทีที่ 85 เจ้าถิ่นได้ลุ้นประตูจากจังหวะที่ คามิล วาเซ็ค สับไกล 25 หลาตรงกลางกรอบเขตโทษบอลพุ่งเฉียดโคนเสาไปแบบน่าเสียดาย
     ช่วงทดเวลา สปาร์ต้า ปราก เปลี่ยน โทมัส เพ็คฮาร์ท ลงมาแทน มาเร็ค มาเตยอฟสกี้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ จบเกม สปาร์ต้า ปราก เปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล ไร้สกอร์ 0-0 ต้องไปตัดสินหาทีมเข้ารอบต่อไปในนัดสองที่รังแอนฟิลด์
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม


     สปาร์ต้า ปราก :
ยาโรเมียร์ บลาเซ็ค - ออนเดรจ คุสเนียร์, โทมัส เร็ปก้า, เอริช บราเบ็ช, มานูเอล ปามิช - คามิล วาเซ็ค, มาร์ติน อเบน่า, มาเร็ค มาเตยอฟสกี้ - วัคลาฟ คัดเล็ช, อันเดรจ เคริช, เลโอนี่ ควิวเก้

     สำรอง :
ดาเนียล ซิดก้า, ยาคุบ โพดานี่, อาเดียบา บอนดัว, มาร์ติน ซีแมน, ลูบอส ฮูเซ็ค, ลิบอร์ ซิออนโก้, โทมัส เพ็คฮาร์ท

     ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, โซติริออส คีร์เกียกอส, แดนนี่ วิลสัน - มักซี่ โรดริเกซ, ลูคัส เลว่า, ราอูล เมยเรเลส, ฟาบิโอ ออเรลิโอ - ดาวิด เอ็นก๊อก, เดิร์ค เค้าท์

     สำรอง :
ปีเตอร์ กูลาซซี่, มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, โจ โคล, คอนอร์ คัวดี้, มิลาน โยวาโนวิช, ดาเนียล ปาเชโก้
     ผู้ตัดสิน : โฟลเรียน เมเยอร์ (เยอรมัน)


ผลฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบสาม นัดแรก - รูบิน คาซาน (รัสเซีย)  แพ้  ทเวนเต้ (ฮอลแลนด์)  0-2  - เมตาลิสต์ (ยูเครน)  แพ้  เลเวอร์คูเซ่น (เยอรมัน)  0-4- นาโปลี (อิตาลี)  เสมอ  บียาร์เรอัล (สเปน)  0-0- อันเดอร์เลทช์ (เบลเยียม)  แพ้  อาแจ็กซ์ (ฮอลแลนด์)  0-3  - เลช พอซนัน (โปแลนด์)  ชนะ  บราก้า (โปรตุเกส)  1-0  - เบซิคตัส (ตุรกี)  แพ้  ดินาโม เคียฟ (ยูเครน)  1-4 - เบนฟิก้า (โปรตุเกส)  ชนะ  สตุ๊ตการ์ท (เยอรมัน)  2-1  - บาเต้ บอริซอฟ (เบลารุส)  เสมอ  เปแอสเช (ฝรั่งเศส)  2-2 - เรนเจอร์ส (สกอตแลนด์)  เสมอ  สปอร์ตติ้ง ลิสบอน (โปรตุเกส)  1-1  - สปาร์ต้า ปราก (เช็ก)  เสมอ ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)  0-0- บาเซิ่ล (สวิส)  แพ้  สปาร์ตัก มอสโก (รัสเซีย)  2-3  - ยัง บอยส์ (สวิส)  ชนะ  เซนิต (รัสเซีย)  2-1- พีเอโอเค (กรีซ)  แพ้  ซีเอสเคเอ มอสโก (รัสเซีย)  0-1  - เซบีย่า (สเปน)  แพ้  ปอร์โต้ (โปรตุเกส)  1-2  - ลีลล์ (ฝรั่งเศส)  เสมอ  พีเอสวี ไอนด์โอเฟ่น (ฮอลแลนด์)  2-2




ราอูล เมยเรเลส เบียดแย่งบอลกับ มาเร็ค มาเตยอฟสกี้ เกล็น จอห์นสัน นัดนี้กลับมาประจำแบ็กขวาเหมือนเดิม
เกมต้องหยุดลงชั่วคราวเนื่องจากพลุขวัญของเจ้าถิ่น


กัปตันเจมี่ ต้องทำงานหนักตลอดทั้งเกม


ดาวิด เอ็นก๊อก ทำอะไรไม่ได้เมื่อเจอกับลูกหนักของ โทมัส เร็ปก้า

ขอขอบคุณ : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110218_052.html

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

หงส์เปิดชัยในถิ่น!ดับเจ้าสัว1-0แพนต์ซิลยิงให้


 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ประเดิมคว้าชัยในถิ่นแอนฟิลด์ได้แล้วในยุคเคนนี่ ดัลกลิช กลับมากุมบังเหียน หลังเฉือนหวิว "เจ้าสัว" ฟูแล่ม 1-0 โดยจอห์น แพนต์ซิล กองหลังทีมเยือนสงเคราะห์ประตูชัยให้พร้อมขยับรั้งที่7 แล้ว
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษลิเวอร์พูล 1-0 ฟูแล่ม


สนาม : แอนฟิลด์


      นัดนี้เป็นเกมตกค้างที่เลื่อนมาจากปลายปีก่อนหลังจากพายุหิมะถล่มเกาะอังกฤษนัดนี้ ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เคนนี่ ดัลกลิช ได้ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กลับมาลงหลังจากจากพ้นโทษแบน 3 นัดจากการโดนไล่ออกมาให้เกมแดงเดือดภาคเอฟเอ คัพ โดยสตีวี่จี ลงทำเกมในแดนกลางร่วมกับ ราอูล เมยเรเลส, คริสเตียน โพลเซ่น, เดิร์ค เค้าท์ และ มักซี่ โรดริเกซ


       ด้านทีมเยือนของกุนซือ มาร์ค ฮิวจ์ส ปราศจาก ดิ๊คสัน เอตูฮู ที่ไม่ผ่านความฟิต จึงส่ง สตีฟ ซิดเวลล์ ลงเล่นแทน แต่ก็ยังมีข่าวดีที่ได้ อารอน ฮิวจ์ส กลับมาลงเล่น แดนกลางยังมี แดนนี่ เมอร์ฟี่ อดีตเด็กหงส์กลับมาเยือนถิ่นเก่า ส่วนคู่หน้าเป็น แอนดี้ จอห์นสัน กับ มูสซ่า เดมเบเล่


       เริ่มเกมขึ้นมาเป็นเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ที่ทำเกมบุกเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกมตามคาด และแค่ 5 นาทีเท่านั้นก็ส่งบอลไปตุงตาข่ายได้ โดยจังหวะเริ่มจากการจ่ายของ ราอูล เมยราเรส ไปให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส หลุดเข้าไปยิง แต่ไลน์แมน ยกธงล้ำหน้าซะก่อน


       อีก 5 นาที ถัดมา กองเชียร์เจ้าถิ่นเกือบไปเฮอีกครั้งเมื่อ มาร์ติน เคลลี่ ได้โยนบอลจากทางขวาเข้ามากลางประตูให้ ราอูล เมยราเรส สอดเข้ามาโหม่งลงพื้นแต่ เดวิด สต็อคเดล ล้มตัวปัดไปได้


       เกมผ่านไป 20 นาที ลิเวอร์พูล ก็ยังเป็นฝ่ายที่ครองบุกเข้าใส่ฟูแล่ม ได้เรื่อยส่วนทีมเยือนก็ยังรับกันแน่นแต่ก็เริ่มทำเกมได้ดีขึ้นมากกว่าช่วง 10 นาทีแรก


       นาทีที่ 25 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสลุ้นอีกครั้งจากการพาขึ้นบอลทางด้านซ้ายของ เกล็น จอห์นสัน ก่อนจะกระชากตัดเข้ากลางแล้วซัดด้วยขวาบอลโดนเซฟเอาไว้ได้โดย เดวิด สต็อคเดล 


       ฟูแล่ม ได้โอกาสลุ้นประตูบ้างในนาทีที่ 29 เมื่อ มาร์ติน เคลลี่ เสียบอลให้ คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ตรงกลางสนามก่อนจะลองซัดไกลแต่ โฆเซ่ เรน่า ก็พุ่งเซฟเอาไว้ได้ก่อนกองหลังจะเคลียร์ทิ้งออกไปแต่บอลยังไปเข้าทางฟูแล่มและได้เกือบได้โอกาสยิงประตูอีกครั้งเมื่อบอลจาก แดนนี่ เมอร์ฟี่ ถูกถ่ายออกไปทางด้านซ้ายให้  แอนดี้ จอห์นสัน พาบอลไปสุดเส้นหลังก่อนจะโยกหลอก มาร์ติน สเคอร์เทล แล้วจ่ายเข้ามาหน้าประตู แดเนียล แอ็กเกอร์ พลาดเสียหลักทำให้บอลเลยมาถึง มูสซา เดมเบเล่ ได้ยิงด้วยซ้ายแต่โดนบอลไม่ดี โฆเซ่ เรน่า รับเอาไว้ได้


       เกมผ่านเข้าสู่ช่วงท้ายของครึ่งแรก "หงส์แดง" เจ้าบ้านก็ยังหาทางเจาะแผงหลังฟูแล่มเข้าไปหาโอกาสเหมาะๆยิงไม่ได้เลยได้แต่ต่อบอลไปมาจนกระทั่งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ลิเวอร์พูล ก็ได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อ มาร์ติน เคลลี่ ได้เปิดบอลจากทางขวาเข้ามาหน้าประตูให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส โหม่งแต่ก็ยังไม่ตรงกรอบออกหลังไป จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0


       เริ่มขึ้นครึ่งหลังขึ้นมายังคงเป็นเจ้าถิ่นลิเวอร์พูลที่ยังทำเกมบุกเข้าใส่ทีมเยือนอย่างต่อเนื่องหวังยิงประตูขึ้นนำให้ได้และก็มาทำสำเร็จในนาทีที่ 52 จากจังหวะผิดพลาดของ คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ที่จ่ายบอลคืนหลังได้โดน เดิร์ค เค้าท์ ไปเข้าทาง เฟร์นานโด ตอร์เรส หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะได้ยิงไปแฉลบขา เบรเด้ ฮันเกลันด์ เปลี่ยนทางไปชนเสา บอลกระดอนอยู่หน้าประตูยังไม่เข้าเป็น จอห์น แพนต์ซิล ที่พยายามเข้ามาเคลียร์ทิ้งแต่จังหวะเตะบอลไปแย่งกับ เดวิด สต็อคเดล นายทวารทำให้โดนบอลไม่ดีปลิ้นเข้าประตูตัวเองไปให้ เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0


       หลังจากโดนนำ ฟูแล่ม ก็พยายามบุกเพื่อตีเสมอให้ได้และได้โอกาสลุ้นในนาทีที่ 59 จากการโยนเข้ามากลางของ จอห์น แพนต์ซิล บอลมาถึง คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ได้กระโดดยิงแต่บอลแต่ โฆเซ่ เรน่า รับเอาไว้ได้สบาย


       เกมผ่านครึ่งทางของครึ่งหลังทั้งสองฝ่ายเปิดเกมบุกแลกเข้าใส่กัน นอกจากนั้นเริ่มจะมีการเข้าบอลหนักเข้าใส่กันจน จอห์น แพนต์ซิล ได้รับใบเหลืองไปเป็นของกำนัล


       นาทีที่ 73 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสลุ้นประตูที่สองบ้างจากการเล่นเกมโต้กลับ เมื่อ โฆเซ่ เรน่า ขว้างบอลยาวให้ ราอูล เมยเรเลส ตรงกลางสนามก่อนจะแตะอ้อม เบรเด้ ฮันเกลันด์ ก่อนจะวิ่งกวดบอลขึ้นไปตรงหน้าเขตโทษก่อนจะจ่ายขวางไปให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่วิ่งตามขึ้นมาแต่จังหวะสุดท้ายโดนกองหลังฟูแล่มวิ่งเข้ามาสกัดเข้าไว้ได้ทันได้แค่ลูกเตะมุม


       เข้าสู่ช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูล ยังเป็นฝ่ายครองเกมเอาไว้ได้ โดยไม่ปล่อยโอกาสให้ ฟูแล่ม หาโอกาสเข้าไปยิงได้จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะไป 1-0 เก็บชัยได้เป็นนัดที่สองติดต่อกัน ขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 7 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
 ลิเวอร์พูล :
 โฆเซ่ เรน่า, มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนียล แอ็กเกอร์, เกล็น จอห์นสัน, ราอูล เมยเรเลส, คริสเตียน โพลเซ่น, เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, มักซี่ โรดริเกซ, เฟร์นานโด ตอร์เรส
 สำรอง : ปีเตอร์ กูลัคซี่, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, โจ โคล, ดาเนียล ปาเชโก้, แดนนี่ วิลสัน, ดาวิด เอ็นก็อก, จอนโจ เชลวี่ย์
 ฟูแล่ม : เดวิด สต็อคเดล, จอห์น แพนต์ซิล, อารอน ฮิวจ์ส, เบรเด้ ฮันเกลันด์, คริส แบร์ด, เดเมี่ยน ดัฟฟ์, สตีฟ ซิดเวลล์, แดนนี่ เมอร์ฟี่, คลินท์ เดมพ์ซี่ย์, มูสซา เดมเบเล่, แอนดี้ จอห์นสัน
 สำรอง : นีล เอเธอร์ริดจ์, สตีเฟ่น เคลลี่, คาร์ลอส ซัลซิโด้, โซลตาน เกร่า, ดิโอม็องซี่ กามาร่า, โจนาธาน กรีนนิ่ง, ไซม่อน เดวิส
 ผู้ตัดสิน : ลี โพรเบิร์ต



เคนนี่ ดัลกลิช ยืนลุ้นลูกทีมอย่างหนัก


สตีเฟ่น เจอร์ราร์ดดีใจกับราอูล เมยเรเลสหลังคัมแบ็กช่วยทีมเก็บสามคะแนน 




เฟร์นานโด ตอร์เรสพาบอลหนีแดนนี่ เมอร์ฟี่อดีตเด็กหงส์แดง

ที่มา : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110127_059.html

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

หงส์ชนะแล้วบุกอัดวูล์ฟส์3-0,คิงเคนนี่เฮลั่น!


 เคนนี่ ดัลกลิช คุม"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เก็บชัยได้แล้วในการหวนคุมทีมคำรบสองเมื่อยกพลบุกไปอัดวูล์ฟแฮมป์ตันดับคาถิ่นโมลินิวว์ 3-0 เฟร์นานโด ตอร์เรส ซัดคนเดียวสองตุง

     
วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-3 ลิเวอร์พูล

     สนาม : โมลินิวว์ 

     "หมาป่า" วูล์ฟแฮมป์ตัน ลงสนามรับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยหากเจ้าถิ่นเก็บชัยได้จะเป็นการเอาชนะ ลิเวอร์พูล แบบไปกลับได้เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี

     เกมนี้เจ้าถิ่นใส่ชื่อ อดัม แฮมมิลล์ เด็กเก่า หงส์แดง ที่เพิ่งคว้ามาจาก บาร์นสลี่ย์เป็นตัวสำรองโดนวางเควิน ดอยล์ ยืนกองหน้าคู่ สตีเว่น เฟล็ทเชอร์

     ฝั่งทีมเยือนยังไร้สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมที่ติดโทษแบนเป็นนัดสุดท้าย แต่ยังมีเฟร์นานโด ตอร์เรส, เดิร์ค เค้าท์ และ ราอูล เมยเรเลส นำทัพ 

     ครึ่งแรกน.9 หงส์แดงได้ลุ้นเมื่อเกล็น จอห์นสัน ทุ่มบอลให้เฟร์นานโด ตอร์เรส แตะกลับมาให้จอห์นสันแทงบอลต่อให้ลูคัส เลวา หลุดขึ้นไปจนสุดเส้นหลังก่อนปาดกลับมาให้คริสเตียน โพลเซ่น ซัดเน้นๆแต่ไปติดบล็อคริชาร์ด สเตียร์แมน กองหลังเจ้าถิ่นอย่างน่าเสียดาย

     น.21 ยังเป็นโอกาสของทีมเยือนเมื่อราอูล เมยเรเลสวางบอลยาวจากกลางสนามให้เฟร์นานโด ตอร์เรส หลุดไปจนถึงกรอบดทษแล้วกระดกบอลหนีคริสตอฟ เบอร์ร่ามาซัดด้วยซ้ายแต่บอลพุ่งตรงตัวเวย์น เฮนเนสซี่ย์ นายด่านวูล์ฟส์เลยทุบออกมาได้

     น.32 หงส์แดงได้ลุ้นเมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรส ดีดบอลคืนกลับมาให้ราอูล เมยเรเลส เอี้ยววอลเล่ย์ด้วยซ้ายจากหน้ากรอบแต่บอลพุ่งถากเสาออกหลังไป

     น.36 ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 เมื่อราอูล เมยเรเลส หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในกรอบโทษฝั่งขวาแล้วบรรจงไหลบอลให้เฟร์นานโด ตอร์เรส แปโล่งๆตรงจุดโทษตุงตาข่าย

     นาทีสุดท้ายวูล์ฟส์เกือบตีเสมอได้จากจังหวะฟรีคิกทางฝั่งซ้ายบอลเลยไปเสาไกลเนนาด มิลิยาส สอดเข้าไปซัดแต่โฆเซ่ เรน่า พุ่งออกมาบล็อกได้ทันทำให้หมดครึ่งแรกลิเวอร์พูลบุกนำ 1-0

     ครึ่งหลังน.49 หงส์หวิดได้เพิ่มเมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรส ตักบอลให้เดิร์ค เค้าท์ หลุดเดี่ยวไปจนถึงกรอบโทษแต่เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ออกมาเร็วเค้าท์เลยต้องรีบจิ้มแต่โดนปลายเท้าเลยติดตัวนายด่านเจ้าถิ่นอย่างน่าเสียดาย

     น.50 ลิเวอร์พูลนำ 2-0 เมื่อดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ เปิดฟรีคิกจากกลางสนามไปหน้าประตูวูล์ฟส์กองหลังเจ้าถิ่นโหม่งสกัดไม่ดีกลายเป็นตั้งบอลให้ราอูล เมยเรเลส วอลเลยืสวนด้วยขวาแบบไม่ต้องจับบอลฮุกเป็นลูกใบไม้ร่วงเสียบสามเหลี่ยมตุงตาข่ายอย่างงามหยด

     จากนั้นวูล์ฟส์ครองเกมบุกได้เหนือกว่าแต่จังหวะสุดท้ายไม่คมกันเองแถมหวิดโดนจังหวะโต้กลับของทีมเยือนเล่นงานในนาที 68 เมื่อราอูล เมยเรเลส หลุดไปซัดตรงกรอบโทษแต่บอลพุ่งเข้าซองเวย์น เฮนเนสซี่ย์

     น.73ยังเป็นโอกาสของทีมเยือนเมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรส ได้บอลตรงกลางสนามแล้วตวัดต่อให้ราอูล เมยเรเลส หลุดขึ้นไปทางฝั่งขวาก่อนตักเข้าไปกลางประตูให้จอนโจ เชลวี่ย์ ดึงบอลลงแต่ห่างตัวไปเลยยิงบอลโด่งข้ามคานอย่างน่าผิดหวัง  

     จากนั้นเจ้าถิ่นยังครองเกมบุกกดดันหงส์แดงได้ต่อเนื่องแต่จังหวะสุดท้ายไม่เฉียบคมกันเองกระทั่งช่วงทดเจ็บกลายเป็นหงส์แดงที่ได้ประตูที่ 3 เมื่อเดิร์ค เค้าท์ พาบอลหลุดเข้าไปในกรอบแล้วโดนเบียดล้มลงแต่บอลยังไหลไปเข้าทางเฟร์นานโด ตอร์เรส แปโล่งๆตุงตาข่าย

     ทำให้จบเกมลิเวอร์พูลบุกชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน3-0 เก็บชัยเป็นนัดแรกในการคุมทีมของเคนนี่ ดัลกลิชได้เป็นผลสำเร็จ

     รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

     วูล์ฟแฮมป์ตัน :
 เวย์น เฮนเนสซี่ย์,โรนัลด์ ซูบาร์,คริสตอฟ เบอร์ร่า,ริชาร์ด สเตียร์แมน,สตีเฟ่น วอร์ด,แม็ตต์ จาร์วิส,เนนาด มิลิยาส,คาร์ล เฮนรี่,สตีเฟ่น ฮันท์,เควิน ดอยล์, สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ 

     ลิเวอร์พูล :
 โฆเซ่ เรน่า,มาร์ติน เคลลี่,ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,เกล็น จอห์นสัน,เดิร์ค เค้าท์,ราอูล เมยเรเลส,คริสเตียน โพลเซ่น,ลูคัส เลวา,มักซี่ โรดริเกซ,เฟร์นานโด ตอร์เรส

ที่มา : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110122_248.html

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

บาร์ซ่าทุ่ม4พันล้านบาทล่าตอร์เรส,เชส

 

"เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า พร้อมทุ่มเม็ดเงินเป็นจำนวน 85 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,080 ล้านบาท) เพื่อกระชาก เชส ฟาเบรกาส ห้องเครื่อง อาร์เซน่อล และ เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอก ลิเวอร์พูล เข้ามาเสริมทัพช่วงซัมเมอร์หน้า หลังปัญหาเรื่องการเงินของทีมคลี่คลายไปในทางที่ดี เมื่อได้รับเงินสนับสนุนก้อนโตจากสปอนเซอร์รายใหม่

     จากการที่ "บาร์ซ่า" บรรลุข้อตกลงกับ กาตาร์ ฟาวน์เดชั่น ในการเป็นสปอนเซอร์บนหน้าอกเสื้อของทีมด้วยมูลค่ารวม 150 ล้านยูโร (ประมาณ 6,000 ล้านบาท) ในระยะเวลา 5 ปี ส่งผลให้หลายฝ่ายเชื่อว่าพวกเขามีกำลังเงินมากพอที่จะทุ่มเม็ดเงินจำนวนดัง กล่าวเพื่อซื้อตัว 2 สตาร์ดังย้ายกลับไปเล่นในดินแดนบ้านเกิดได้

     ก่อน หน้านี้ ฟาเบรกาส เคยได้รับการติดต่อให้ย้ายกับไปเล่นกับทีมดังแห่งแคว้นคาตาลันมาตลอดช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา และที่ดูเหมือนจะใกล้เคียงที่สุดก็คงเป็นช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ทว่าเจ้าตัวถูกโน้มน้าวให้เล่นกับ "เดอะ กันเนอร์ส" ต่อไปสำเร็จ  ภายหลังมีการพูดคุยกับ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส

     ด้าน ตอร์เรส ที่มีฟอร์มการเล่นขึ้นๆ ลงๆ จนถึงเวลานี้กับ "เร้ด แมชีน" และตกเป็นข่าวว่า เรอัล มาดริด ต้องการตัวไปเสริมทัพ ทว่าเนื่องจากเจ้าตัวเป็นนักเตะเก่าของทีมคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง แอตเลติโก มาดริด จึงเป็นที่คาดหมายว่าน่าจะปฎิเสธการย้ายไปเล่นให้กับทีม "ราชันชุดขาว" ค่อนข้างแน่  

ที่มา : www.siamsport.co.th/Sport_Football/101219_154.html