วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

หงส์เปิดชัยในถิ่น!ดับเจ้าสัว1-0แพนต์ซิลยิงให้


 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ประเดิมคว้าชัยในถิ่นแอนฟิลด์ได้แล้วในยุคเคนนี่ ดัลกลิช กลับมากุมบังเหียน หลังเฉือนหวิว "เจ้าสัว" ฟูแล่ม 1-0 โดยจอห์น แพนต์ซิล กองหลังทีมเยือนสงเคราะห์ประตูชัยให้พร้อมขยับรั้งที่7 แล้ว
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษลิเวอร์พูล 1-0 ฟูแล่ม


สนาม : แอนฟิลด์


      นัดนี้เป็นเกมตกค้างที่เลื่อนมาจากปลายปีก่อนหลังจากพายุหิมะถล่มเกาะอังกฤษนัดนี้ ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เคนนี่ ดัลกลิช ได้ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กลับมาลงหลังจากจากพ้นโทษแบน 3 นัดจากการโดนไล่ออกมาให้เกมแดงเดือดภาคเอฟเอ คัพ โดยสตีวี่จี ลงทำเกมในแดนกลางร่วมกับ ราอูล เมยเรเลส, คริสเตียน โพลเซ่น, เดิร์ค เค้าท์ และ มักซี่ โรดริเกซ


       ด้านทีมเยือนของกุนซือ มาร์ค ฮิวจ์ส ปราศจาก ดิ๊คสัน เอตูฮู ที่ไม่ผ่านความฟิต จึงส่ง สตีฟ ซิดเวลล์ ลงเล่นแทน แต่ก็ยังมีข่าวดีที่ได้ อารอน ฮิวจ์ส กลับมาลงเล่น แดนกลางยังมี แดนนี่ เมอร์ฟี่ อดีตเด็กหงส์กลับมาเยือนถิ่นเก่า ส่วนคู่หน้าเป็น แอนดี้ จอห์นสัน กับ มูสซ่า เดมเบเล่


       เริ่มเกมขึ้นมาเป็นเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ที่ทำเกมบุกเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกมตามคาด และแค่ 5 นาทีเท่านั้นก็ส่งบอลไปตุงตาข่ายได้ โดยจังหวะเริ่มจากการจ่ายของ ราอูล เมยราเรส ไปให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส หลุดเข้าไปยิง แต่ไลน์แมน ยกธงล้ำหน้าซะก่อน


       อีก 5 นาที ถัดมา กองเชียร์เจ้าถิ่นเกือบไปเฮอีกครั้งเมื่อ มาร์ติน เคลลี่ ได้โยนบอลจากทางขวาเข้ามากลางประตูให้ ราอูล เมยราเรส สอดเข้ามาโหม่งลงพื้นแต่ เดวิด สต็อคเดล ล้มตัวปัดไปได้


       เกมผ่านไป 20 นาที ลิเวอร์พูล ก็ยังเป็นฝ่ายที่ครองบุกเข้าใส่ฟูแล่ม ได้เรื่อยส่วนทีมเยือนก็ยังรับกันแน่นแต่ก็เริ่มทำเกมได้ดีขึ้นมากกว่าช่วง 10 นาทีแรก


       นาทีที่ 25 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสลุ้นอีกครั้งจากการพาขึ้นบอลทางด้านซ้ายของ เกล็น จอห์นสัน ก่อนจะกระชากตัดเข้ากลางแล้วซัดด้วยขวาบอลโดนเซฟเอาไว้ได้โดย เดวิด สต็อคเดล 


       ฟูแล่ม ได้โอกาสลุ้นประตูบ้างในนาทีที่ 29 เมื่อ มาร์ติน เคลลี่ เสียบอลให้ คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ตรงกลางสนามก่อนจะลองซัดไกลแต่ โฆเซ่ เรน่า ก็พุ่งเซฟเอาไว้ได้ก่อนกองหลังจะเคลียร์ทิ้งออกไปแต่บอลยังไปเข้าทางฟูแล่มและได้เกือบได้โอกาสยิงประตูอีกครั้งเมื่อบอลจาก แดนนี่ เมอร์ฟี่ ถูกถ่ายออกไปทางด้านซ้ายให้  แอนดี้ จอห์นสัน พาบอลไปสุดเส้นหลังก่อนจะโยกหลอก มาร์ติน สเคอร์เทล แล้วจ่ายเข้ามาหน้าประตู แดเนียล แอ็กเกอร์ พลาดเสียหลักทำให้บอลเลยมาถึง มูสซา เดมเบเล่ ได้ยิงด้วยซ้ายแต่โดนบอลไม่ดี โฆเซ่ เรน่า รับเอาไว้ได้


       เกมผ่านเข้าสู่ช่วงท้ายของครึ่งแรก "หงส์แดง" เจ้าบ้านก็ยังหาทางเจาะแผงหลังฟูแล่มเข้าไปหาโอกาสเหมาะๆยิงไม่ได้เลยได้แต่ต่อบอลไปมาจนกระทั่งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ลิเวอร์พูล ก็ได้ลุ้นอีกครั้ง เมื่อ มาร์ติน เคลลี่ ได้เปิดบอลจากทางขวาเข้ามาหน้าประตูให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส โหม่งแต่ก็ยังไม่ตรงกรอบออกหลังไป จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0


       เริ่มขึ้นครึ่งหลังขึ้นมายังคงเป็นเจ้าถิ่นลิเวอร์พูลที่ยังทำเกมบุกเข้าใส่ทีมเยือนอย่างต่อเนื่องหวังยิงประตูขึ้นนำให้ได้และก็มาทำสำเร็จในนาทีที่ 52 จากจังหวะผิดพลาดของ คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ที่จ่ายบอลคืนหลังได้โดน เดิร์ค เค้าท์ ไปเข้าทาง เฟร์นานโด ตอร์เรส หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะได้ยิงไปแฉลบขา เบรเด้ ฮันเกลันด์ เปลี่ยนทางไปชนเสา บอลกระดอนอยู่หน้าประตูยังไม่เข้าเป็น จอห์น แพนต์ซิล ที่พยายามเข้ามาเคลียร์ทิ้งแต่จังหวะเตะบอลไปแย่งกับ เดวิด สต็อคเดล นายทวารทำให้โดนบอลไม่ดีปลิ้นเข้าประตูตัวเองไปให้ เจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0


       หลังจากโดนนำ ฟูแล่ม ก็พยายามบุกเพื่อตีเสมอให้ได้และได้โอกาสลุ้นในนาทีที่ 59 จากการโยนเข้ามากลางของ จอห์น แพนต์ซิล บอลมาถึง คลินท์ เดมพ์ซี่ย์ ได้กระโดดยิงแต่บอลแต่ โฆเซ่ เรน่า รับเอาไว้ได้สบาย


       เกมผ่านครึ่งทางของครึ่งหลังทั้งสองฝ่ายเปิดเกมบุกแลกเข้าใส่กัน นอกจากนั้นเริ่มจะมีการเข้าบอลหนักเข้าใส่กันจน จอห์น แพนต์ซิล ได้รับใบเหลืองไปเป็นของกำนัล


       นาทีที่ 73 ลิเวอร์พูล ได้โอกาสลุ้นประตูที่สองบ้างจากการเล่นเกมโต้กลับ เมื่อ โฆเซ่ เรน่า ขว้างบอลยาวให้ ราอูล เมยเรเลส ตรงกลางสนามก่อนจะแตะอ้อม เบรเด้ ฮันเกลันด์ ก่อนจะวิ่งกวดบอลขึ้นไปตรงหน้าเขตโทษก่อนจะจ่ายขวางไปให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่วิ่งตามขึ้นมาแต่จังหวะสุดท้ายโดนกองหลังฟูแล่มวิ่งเข้ามาสกัดเข้าไว้ได้ทันได้แค่ลูกเตะมุม


       เข้าสู่ช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูล ยังเป็นฝ่ายครองเกมเอาไว้ได้ โดยไม่ปล่อยโอกาสให้ ฟูแล่ม หาโอกาสเข้าไปยิงได้จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะไป 1-0 เก็บชัยได้เป็นนัดที่สองติดต่อกัน ขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 7 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
 ลิเวอร์พูล :
 โฆเซ่ เรน่า, มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, แดเนียล แอ็กเกอร์, เกล็น จอห์นสัน, ราอูล เมยเรเลส, คริสเตียน โพลเซ่น, เดิร์ค เค้าท์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, มักซี่ โรดริเกซ, เฟร์นานโด ตอร์เรส
 สำรอง : ปีเตอร์ กูลัคซี่, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, โจ โคล, ดาเนียล ปาเชโก้, แดนนี่ วิลสัน, ดาวิด เอ็นก็อก, จอนโจ เชลวี่ย์
 ฟูแล่ม : เดวิด สต็อคเดล, จอห์น แพนต์ซิล, อารอน ฮิวจ์ส, เบรเด้ ฮันเกลันด์, คริส แบร์ด, เดเมี่ยน ดัฟฟ์, สตีฟ ซิดเวลล์, แดนนี่ เมอร์ฟี่, คลินท์ เดมพ์ซี่ย์, มูสซา เดมเบเล่, แอนดี้ จอห์นสัน
 สำรอง : นีล เอเธอร์ริดจ์, สตีเฟ่น เคลลี่, คาร์ลอส ซัลซิโด้, โซลตาน เกร่า, ดิโอม็องซี่ กามาร่า, โจนาธาน กรีนนิ่ง, ไซม่อน เดวิส
 ผู้ตัดสิน : ลี โพรเบิร์ต



เคนนี่ ดัลกลิช ยืนลุ้นลูกทีมอย่างหนัก


สตีเฟ่น เจอร์ราร์ดดีใจกับราอูล เมยเรเลสหลังคัมแบ็กช่วยทีมเก็บสามคะแนน 




เฟร์นานโด ตอร์เรสพาบอลหนีแดนนี่ เมอร์ฟี่อดีตเด็กหงส์แดง

ที่มา : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110127_059.html

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

หงส์ชนะแล้วบุกอัดวูล์ฟส์3-0,คิงเคนนี่เฮลั่น!


 เคนนี่ ดัลกลิช คุม"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เก็บชัยได้แล้วในการหวนคุมทีมคำรบสองเมื่อยกพลบุกไปอัดวูล์ฟแฮมป์ตันดับคาถิ่นโมลินิวว์ 3-0 เฟร์นานโด ตอร์เรส ซัดคนเดียวสองตุง

     
วูล์ฟแฮมป์ตัน 0-3 ลิเวอร์พูล

     สนาม : โมลินิวว์ 

     "หมาป่า" วูล์ฟแฮมป์ตัน ลงสนามรับการมาเยือนของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล โดยหากเจ้าถิ่นเก็บชัยได้จะเป็นการเอาชนะ ลิเวอร์พูล แบบไปกลับได้เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี

     เกมนี้เจ้าถิ่นใส่ชื่อ อดัม แฮมมิลล์ เด็กเก่า หงส์แดง ที่เพิ่งคว้ามาจาก บาร์นสลี่ย์เป็นตัวสำรองโดนวางเควิน ดอยล์ ยืนกองหน้าคู่ สตีเว่น เฟล็ทเชอร์

     ฝั่งทีมเยือนยังไร้สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมที่ติดโทษแบนเป็นนัดสุดท้าย แต่ยังมีเฟร์นานโด ตอร์เรส, เดิร์ค เค้าท์ และ ราอูล เมยเรเลส นำทัพ 

     ครึ่งแรกน.9 หงส์แดงได้ลุ้นเมื่อเกล็น จอห์นสัน ทุ่มบอลให้เฟร์นานโด ตอร์เรส แตะกลับมาให้จอห์นสันแทงบอลต่อให้ลูคัส เลวา หลุดขึ้นไปจนสุดเส้นหลังก่อนปาดกลับมาให้คริสเตียน โพลเซ่น ซัดเน้นๆแต่ไปติดบล็อคริชาร์ด สเตียร์แมน กองหลังเจ้าถิ่นอย่างน่าเสียดาย

     น.21 ยังเป็นโอกาสของทีมเยือนเมื่อราอูล เมยเรเลสวางบอลยาวจากกลางสนามให้เฟร์นานโด ตอร์เรส หลุดไปจนถึงกรอบดทษแล้วกระดกบอลหนีคริสตอฟ เบอร์ร่ามาซัดด้วยซ้ายแต่บอลพุ่งตรงตัวเวย์น เฮนเนสซี่ย์ นายด่านวูล์ฟส์เลยทุบออกมาได้

     น.32 หงส์แดงได้ลุ้นเมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรส ดีดบอลคืนกลับมาให้ราอูล เมยเรเลส เอี้ยววอลเล่ย์ด้วยซ้ายจากหน้ากรอบแต่บอลพุ่งถากเสาออกหลังไป

     น.36 ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 เมื่อราอูล เมยเรเลส หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในกรอบโทษฝั่งขวาแล้วบรรจงไหลบอลให้เฟร์นานโด ตอร์เรส แปโล่งๆตรงจุดโทษตุงตาข่าย

     นาทีสุดท้ายวูล์ฟส์เกือบตีเสมอได้จากจังหวะฟรีคิกทางฝั่งซ้ายบอลเลยไปเสาไกลเนนาด มิลิยาส สอดเข้าไปซัดแต่โฆเซ่ เรน่า พุ่งออกมาบล็อกได้ทันทำให้หมดครึ่งแรกลิเวอร์พูลบุกนำ 1-0

     ครึ่งหลังน.49 หงส์หวิดได้เพิ่มเมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรส ตักบอลให้เดิร์ค เค้าท์ หลุดเดี่ยวไปจนถึงกรอบโทษแต่เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ออกมาเร็วเค้าท์เลยต้องรีบจิ้มแต่โดนปลายเท้าเลยติดตัวนายด่านเจ้าถิ่นอย่างน่าเสียดาย

     น.50 ลิเวอร์พูลนำ 2-0 เมื่อดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ เปิดฟรีคิกจากกลางสนามไปหน้าประตูวูล์ฟส์กองหลังเจ้าถิ่นโหม่งสกัดไม่ดีกลายเป็นตั้งบอลให้ราอูล เมยเรเลส วอลเลยืสวนด้วยขวาแบบไม่ต้องจับบอลฮุกเป็นลูกใบไม้ร่วงเสียบสามเหลี่ยมตุงตาข่ายอย่างงามหยด

     จากนั้นวูล์ฟส์ครองเกมบุกได้เหนือกว่าแต่จังหวะสุดท้ายไม่คมกันเองแถมหวิดโดนจังหวะโต้กลับของทีมเยือนเล่นงานในนาที 68 เมื่อราอูล เมยเรเลส หลุดไปซัดตรงกรอบโทษแต่บอลพุ่งเข้าซองเวย์น เฮนเนสซี่ย์

     น.73ยังเป็นโอกาสของทีมเยือนเมื่อเฟร์นานโด ตอร์เรส ได้บอลตรงกลางสนามแล้วตวัดต่อให้ราอูล เมยเรเลส หลุดขึ้นไปทางฝั่งขวาก่อนตักเข้าไปกลางประตูให้จอนโจ เชลวี่ย์ ดึงบอลลงแต่ห่างตัวไปเลยยิงบอลโด่งข้ามคานอย่างน่าผิดหวัง  

     จากนั้นเจ้าถิ่นยังครองเกมบุกกดดันหงส์แดงได้ต่อเนื่องแต่จังหวะสุดท้ายไม่เฉียบคมกันเองกระทั่งช่วงทดเจ็บกลายเป็นหงส์แดงที่ได้ประตูที่ 3 เมื่อเดิร์ค เค้าท์ พาบอลหลุดเข้าไปในกรอบแล้วโดนเบียดล้มลงแต่บอลยังไหลไปเข้าทางเฟร์นานโด ตอร์เรส แปโล่งๆตุงตาข่าย

     ทำให้จบเกมลิเวอร์พูลบุกชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน3-0 เก็บชัยเป็นนัดแรกในการคุมทีมของเคนนี่ ดัลกลิชได้เป็นผลสำเร็จ

     รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

     วูล์ฟแฮมป์ตัน :
 เวย์น เฮนเนสซี่ย์,โรนัลด์ ซูบาร์,คริสตอฟ เบอร์ร่า,ริชาร์ด สเตียร์แมน,สตีเฟ่น วอร์ด,แม็ตต์ จาร์วิส,เนนาด มิลิยาส,คาร์ล เฮนรี่,สตีเฟ่น ฮันท์,เควิน ดอยล์, สตีเว่น เฟล็ทเชอร์ 

     ลิเวอร์พูล :
 โฆเซ่ เรน่า,มาร์ติน เคลลี่,ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์,มาร์ติน สเคอร์เทล,เกล็น จอห์นสัน,เดิร์ค เค้าท์,ราอูล เมยเรเลส,คริสเตียน โพลเซ่น,ลูคัส เลวา,มักซี่ โรดริเกซ,เฟร์นานโด ตอร์เรส

ที่มา : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110122_248.html