วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หงส์สมควรไร้แต้มแมตช์แพ้ค้อน,คิงเคนนี่กล่าว


เคนนี่ ดัลกลิช นายใหญ่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยอมรับ ลูกทีมของเขาเล่นได้น่าผิดหวัง ในเกมแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ชี้ฟอร์มแบบนี้ก็สมควรแล้วที่ไม่ได้แต้มกลับ แอนฟิลด์ พร้อมยันไม่เคยได้รับข้อเสนอสัญญา 2 ปีตามที่สื่อแอบอ้าง


     เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีมระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งศึกพรีเมียร์ลีก ยอมรับ "หงส์แดง" สมควรที่จะไม่ได้แต้ม ในเกมแพ้ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-3 ที่สนาม อัพตัน พาร์ค เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา


     เจ้าบ้านได้ประตูจาก สกอตต์ พาร์เกอร์, เดมบ้า บา และ คาร์ลตัน โคล ในขณะที่ "เดอะ เร้ดส์" ได้ประตูจาก เกล็น จอห์นสัน นอกจากความพ่ายแพ้ในแมตช์นี้แล้ว ลิเวอร์พูล ยังต้องเจอกับข่าวร้าย เพราะ มาร์ติน เคลลี่ แบ็กขวาดาวรุ่ง กับ ราอูล เมยเรเลส มิดฟิลด์เลือดฝอยทอง ได้รับบาดเจ็บด้วย


     "คิงเคนนี่" ให้ความเห็นถึงอาการเจ็บของ 2 แข้งสำคัญว่า "เขา (เคลลี่) เจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่า และ ราอูล โดนเตะที่หัวเข่า แน่นอน มาร์ติน อาการหนักกว่า ราอูล สำหรับอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าอาจทำให้เขาต้องพบกับความยากลำบากในวัน อาทิตย์หน้า (พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) แม้ผมไม่อยากกำหนดวัน เพราะผมไม่รู้ แต่ผมคิดว่า อาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า มันคงต้องใช้เวลามากกว่าสัปดาห์ ส่วน ราอูล เรายังไม่รู้"


     ส่วนฟอร์มการเล่นของทีมในแมตช์นี้ ดัลกลิช เผยว่า "นักเตะทำผลงานได้อย่างสุดยอดมาตลอดจนกระทั่งที่นี่ และผมคาดเอาไว้แล้วว่า มันต้องมีเรื่องแบบนี้เมื่อเราแพ้ ผมคิดว่า ต้องยกเครดิตให้กับนักเตะซึ่งสมควรที่จะได้รับ และผมคิดว่า พวกเขาจะยืนหยัดขึ้นมา และด้วยความสัตย์จริง วันนี้ต้องพูดว่า พวกเขาได้ในสิ่งที่ควรได้ก็คือ การไม่ได้แต้มอะไรเลย"


     "เราผิดหวังกับแนวทางการเล่นของเรา เราเริ่มต้นแบบสบายๆ แต่พวกเขาก็ได้ประตู นั่นทำให้พวกเขามีความเชื่อมั่น เวสต์แฮม ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับเราเลย เพราะพวกเขาสู้เพื่อความอยู่รอด หลังจากที่พวกเขาได้ประตู พวกเขาก็มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น แต่เราไม่ได้เล่นดีอย่างที่เราควรทำได้ เราผ่านบอลได้ไม่ดีเหมือนกับที่เราเคยทำ และเราไม่มีโอกาสเข้าทางเลย"


     "ในช่วง 20-25 นาทีสุดท้าย เราเริ่มเล่นได้อย่างที่เราเคยทำได้ เราได้ประตูในช่วงท้ายเกม และผมคิดว่าบางทีเราควรมีแต้ม แต่ คาร์ลตัน โคล ก็ยิงประตูอีกลูกในนาทีสุดท้าย ผมไม่รู้ว่า นี่เป็นผลที่เกิดกับนักเตะจากสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนวันพฤหัสบดี (ลงเล่น ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก) หรือเปล่า เพราะเราพบกับเกมที่สุดหิน เราไม่ได้ดูดีอย่างที่เราเคยเป็น ความพ่ายแพ้ไม่ใช่แค่ทำให้เราผิดหวัง แต่ยังรวมทั้งแนวทางการเล่นของเราด้วย"


     ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า แอนดี้ คาร์โรลล์ หัวหอกตัวใหม่ จะได้ลงเล่นเปิดตัวในแมตช์นี้ โดยกุนซือเลือดสกอตต์ เผยว่า "เราไม่เคยกำหนดวันว่า แอนดี้ จะลงเล่นเมื่อไหร่ ตราบใดที่เขาฟิต เราจะให้เขาลงเล่น อาจจะเป็นสัปดาห์หน้า หรือสัปดาห์อื่นๆ เราก็แค่ต้องรอและเฝ้าดู"


     สำหรับข่าวที่อ้างว่า เขาได้รับข้อเสนอสัญญา 2 ปีนั้น ดัลกลิช เปิดใจว่า "สัญญามาจากใครล่ะ?" นักข่าวตอบกลับมาว่า "จากสโมสร" จากนั้นเจ้าตัวก็ตอบต่อไปว่า "ผมคิดว่า คุณหมายถึงภรรยาของผมยื่นสัญญาให้ผมอีกครั้ง! ถ้ามีข่าวเราจะบอกพวกคุณแน่นอน ผมมีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ ผมจะทำในสิ่งที่ต้องทำเพื่อสโมสร ไม่มีการเจรจามากไปกว่าครั้งแรก ดังนั้นผมไม่แน่ใจว่า พวกเขา (เดอะ ซัน) ได้ข่าวมาจากไหน"


ขอขอบคุณ : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110228_039.html

วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หงส์ไม่เปรี้ยง!บุกเจ๊าปราก0-0ยูโรปานัดแรก

 

 "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทำได้เพียงบุกเสมอ สปาร์ต้า ปราก จากสาธารณรัฐเช็ก 0-0 ทำให้ต้องกลับมาลุ้นเหนื่อยนัดสองที่แอนฟิลด์กันต่อ ในศึกยูโรปา ลีก รอบสาม นัดแรก คืนวันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบสาม นัดแรก
วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554
สปาร์ต้า ปราก (เช็ก) 0 - 0 ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)

สนาม : สตาดิโอน เลตเน่,  ปราก สาธารณรัฐเชก

     โยเซฟ โชวาเนช กุนซือเจ้าบ้าน สปาร์ต้า ปราก จัดทัดมาเน้นเกมรุกเปิดแลกเลย ให้ วัคลาฟ คัดเล็ช, อันเดรจ เคริช และ เลโอนี่ ควิวเก้ เป็นสามประสานแนวรุก ส่วนแนวรับมี โทมัส เร็ปก้า กัปตันทีมอดีตแข้งของ เวสต์แฮม เป็นหัวใจหลักในแผงหลัง

     เคนนี่ ดัลกลิช ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไร้ชื่อของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แดเนียล แอ็กเกอร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ ไม่มีชื่อบินขึ้นเครื่องมากรุงปราก การจัดทัพ "คิง เคนนี่" ส่ง แดนนี่ วิลสัน ลงมายืนเป็นแบ็กซ้าย และดันเอา ฟาบิโอ ออเรลิโอ ขึ้นไปยืนปีกซ้าย
     และให้ เกล็น จอห์นสัน กลับไปประจำการแบ็กขวา ส่วนคู่กองหน้าเป็น ดาวิด เอ็นก๊อก กับ เดิร์ค เค้าท์
     เขี่ยบอลเริ่มเกมมาช่วง 15 นาทีแรกเกมส่วนใหญ่เป็นของเจ้าบ้านครองบอลไว้เกือบหมด ทว่ายังไม่มีโอกาสส่องลุ้นประตู ต้องรอถึงนาที 18 สปาร์ต้า ปราก น่าได้ประตูออกนำ มาร์ติน อเบน่า ไหลบอลออกมาทางซ้ายให้ มานูเอล ปามิช เติมขึ้นมากดบอลด้วยซ้ายเต็มข้อกำลังจะเสียบเสาสอง ทว่า โฆเซ่ เรน่า ไม่พลาดปัดบอลออกไปได้สวย
     รูปเกมเป็นของเจ้าบ้านข้างเดียว นาที 30 เค้าท์ ทำพลาดเสียบอลมาให้ มาเร็ค มาเตยอฟสกี้ ลากบอลเข้าไปดีดบอลมุมแคบไปเข้ามือ เรน่า ล้มตัวรับสบาย
     4 นาทีต่อมา หงส์แดง มารอดตายอีกครั้ง ออนเดรจ คุสเนียร์ ครอสบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษและ เรน่า ออกมาตัดบอลพลาดไปเข้าทาง ปามิช เติมขึ้นมาอัดบอลสวนโด่งข้ามคานออกไปนิดเดียว
     เจ้าบ้านครองเกมกระหน่ำบุกข้างเดียว และมาได้โอกาสลุ้นอีกจาก คุสเนียร์ เลี้ยงบอลตะลุยเข้ามาไหลต่อให้ มาเตยอฟสกี้ วิ่งเข้ามาแปบอลไปติดบล็อค โซติริออส คีร์เกียกอส กระเด้งออกไป
     นาที 38 ดัลกลิช ทนไม่ไหวต้องทำการปรับแท็กติกเปลี่ยนตัวคนแรกทันที ถอด ออเรลิโอ ออกมา และส่ง โจ โคล ลงไปบู๊แทน
     ช่วงท้ายเกมนาที 43 หงส์แดง เกือบมาออกนำก่อนจากจังหวะลูกเตะมุม ราอูล เมยเรเลส เปิดบอลเข้ามาให้ เอ็นก๊อก กระโดดโหม่งชงบอลมาให้ เค้าท์ ตวัดบอลจ่อๆไม่โดนหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย และจบครึ่งแรกสกอร์บอร์ดทั้งสองทีมยังไม่ทำงานเสมอกันอยู่ 0-0 ชนิดที่รูปเกมของเจ้าบ้านเหนือกว่าเยอะ
     กลับลงสนามมาสู้กันต่อใน 45 นาทีหลัง ดัลกลิช แก้เกมมาดีโดย ลิเวอร์พูล ครองเกมได้ดีขึ้นและเน้นขึ้นเกมทางฝั่งขวาใช้ เกล็น จอห์นสัน ทำเกมบุก ทว่ายังไม่มีโอกาสได้ส่องประตูแบบจังๆเลย
     เกมครั้งหลังของทั้งสองฝ่ายเนือยลงไปอย่างมากแทไม่มีจังหวะให้ได้ ลุ้นกันเลย นาที 61 เจ้าบ้านมาได้ลุ้นเล้กๆจากจังหวะที่ คามิล วาเซ็ค เปิดบอลมาให้ เลโอนี่ ควิวเก้ สอดเข้ามาโขกบอลเต็มกบาลหลุดเสาแรกออกไปไกล
     โอกาสถัดมาเป็นของ หงส์แดง บ้าง เอ็นก๊อก กระชากบอลมาสับขาหลอก คุสเนียร์ และเปิดบอลเรียดผ่านเข้ากลางมาให้ มักซี่ โรดริเกซ เข้าชาร์จไม่เต็มเท้าไปแฉลบ เร็ปก้า นิดนึงและไหลเข้าซอง ยาโรเมียร์ บลาเซ็ค รับสบาย
     นาที 68 อาคันตุกะมาพลาดการได้ประตูออกนำไปอย่างน่าเสียดาย ราอูล เมยเรเลส ตักบอลข้ามแนวรับเจ้าบ้านมาให้ จอห์นสัน จับบอลลงและเลี้ยงตัดหนีแนวรับเจ้าบ้านมาสองสามคนก่อนดีดบอลหลุดเสาสองออกไป นิดเดียว
     หลังจากนั้นเกมต้องหยุดพักลงไปสักครู่เนื่องจากมีแฟนบอลขว้างพลุลง มาในสนามฝั่งแระตูของ ลิเวอร์พูล จนเกิดควันไปทั่วสนาม ทว่าหลัง โฟลเรียน เมเยอร์ ผู้ตัดสินเช็กสถานการณ์ก็อนุญาตให้เล่นต่อไปได้ และนาที 75 เรน่า มาช่วยชีวิต หงส์แดง เอาไว้ได้เยี่ยม เมื่อเจ้าตัวพุ่งไปตะครุบรับบอลที่ ควิวเก้ ตวัดยิงกลับมาได้อยู่หมัด
     นาทีที่ 83 หงส์แดงปรับแผนตั้งรับมากขึ้นโดย ส่ง มาร์ติน สเคอร์เทล ลงมาแทน ดาวิด เอ็นก๊อก ที่ดูเหมือนว่าจะโชว์ฟอร์มไม่ออก
     นาทีที่ 85 เจ้าถิ่นได้ลุ้นประตูจากจังหวะที่ คามิล วาเซ็ค สับไกล 25 หลาตรงกลางกรอบเขตโทษบอลพุ่งเฉียดโคนเสาไปแบบน่าเสียดาย
     ช่วงทดเวลา สปาร์ต้า ปราก เปลี่ยน โทมัส เพ็คฮาร์ท ลงมาแทน มาเร็ค มาเตยอฟสกี้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ จบเกม สปาร์ต้า ปราก เปิดบ้านเสมอกับ ลิเวอร์พูล ไร้สกอร์ 0-0 ต้องไปตัดสินหาทีมเข้ารอบต่อไปในนัดสองที่รังแอนฟิลด์
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม


     สปาร์ต้า ปราก :
ยาโรเมียร์ บลาเซ็ค - ออนเดรจ คุสเนียร์, โทมัส เร็ปก้า, เอริช บราเบ็ช, มานูเอล ปามิช - คามิล วาเซ็ค, มาร์ติน อเบน่า, มาเร็ค มาเตยอฟสกี้ - วัคลาฟ คัดเล็ช, อันเดรจ เคริช, เลโอนี่ ควิวเก้

     สำรอง :
ดาเนียล ซิดก้า, ยาคุบ โพดานี่, อาเดียบา บอนดัว, มาร์ติน ซีแมน, ลูบอส ฮูเซ็ค, ลิบอร์ ซิออนโก้, โทมัส เพ็คฮาร์ท

     ลิเวอร์พูล :
โฆเซ่ เรน่า - เกล็น จอห์นสัน, เจมี่ คาร์ราเกอร์, โซติริออส คีร์เกียกอส, แดนนี่ วิลสัน - มักซี่ โรดริเกซ, ลูคัส เลว่า, ราอูล เมยเรเลส, ฟาบิโอ ออเรลิโอ - ดาวิด เอ็นก๊อก, เดิร์ค เค้าท์

     สำรอง :
ปีเตอร์ กูลาซซี่, มาร์ติน เคลลี่, มาร์ติน สเคอร์เทล, โจ โคล, คอนอร์ คัวดี้, มิลาน โยวาโนวิช, ดาเนียล ปาเชโก้
     ผู้ตัดสิน : โฟลเรียน เมเยอร์ (เยอรมัน)


ผลฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบสาม นัดแรก - รูบิน คาซาน (รัสเซีย)  แพ้  ทเวนเต้ (ฮอลแลนด์)  0-2  - เมตาลิสต์ (ยูเครน)  แพ้  เลเวอร์คูเซ่น (เยอรมัน)  0-4- นาโปลี (อิตาลี)  เสมอ  บียาร์เรอัล (สเปน)  0-0- อันเดอร์เลทช์ (เบลเยียม)  แพ้  อาแจ็กซ์ (ฮอลแลนด์)  0-3  - เลช พอซนัน (โปแลนด์)  ชนะ  บราก้า (โปรตุเกส)  1-0  - เบซิคตัส (ตุรกี)  แพ้  ดินาโม เคียฟ (ยูเครน)  1-4 - เบนฟิก้า (โปรตุเกส)  ชนะ  สตุ๊ตการ์ท (เยอรมัน)  2-1  - บาเต้ บอริซอฟ (เบลารุส)  เสมอ  เปแอสเช (ฝรั่งเศส)  2-2 - เรนเจอร์ส (สกอตแลนด์)  เสมอ  สปอร์ตติ้ง ลิสบอน (โปรตุเกส)  1-1  - สปาร์ต้า ปราก (เช็ก)  เสมอ ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)  0-0- บาเซิ่ล (สวิส)  แพ้  สปาร์ตัก มอสโก (รัสเซีย)  2-3  - ยัง บอยส์ (สวิส)  ชนะ  เซนิต (รัสเซีย)  2-1- พีเอโอเค (กรีซ)  แพ้  ซีเอสเคเอ มอสโก (รัสเซีย)  0-1  - เซบีย่า (สเปน)  แพ้  ปอร์โต้ (โปรตุเกส)  1-2  - ลีลล์ (ฝรั่งเศส)  เสมอ  พีเอสวี ไอนด์โอเฟ่น (ฮอลแลนด์)  2-2




ราอูล เมยเรเลส เบียดแย่งบอลกับ มาเร็ค มาเตยอฟสกี้ เกล็น จอห์นสัน นัดนี้กลับมาประจำแบ็กขวาเหมือนเดิม
เกมต้องหยุดลงชั่วคราวเนื่องจากพลุขวัญของเจ้าถิ่น


กัปตันเจมี่ ต้องทำงานหนักตลอดทั้งเกม


ดาวิด เอ็นก๊อก ทำอะไรไม่ได้เมื่อเจอกับลูกหนักของ โทมัส เร็ปก้า

ขอขอบคุณ : http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110218_052.html